ถึงแม้ว่าทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ของทางรัฐบาลจะออกมาบอกอย่างเป็นทางการแล้วว่าได้ทำการผ่อนปรนในหลายมาตรการจากการควบคุมโรคระบาด และแม้จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 รายใหม่อยู่เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ แต่ก็ยังคงยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ในขณะเดียวกันทาง ศบค. ก็แจ้งแล้วว่าไม่มีจังหวัดไหนในประเทศไทยที่เป็นพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ควบคุมขั้นสูงสุด จังหวัดสุดท้ายที่ถูกจัดว่าเป็นพื้นที่สีแดงก็คือจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งในตอนนี้ได้เปลี่ยนและจัดให้เป็นจังหวัดในพื้นที่สีส้มเพียงเท่านั้น
ที่พูดถึงเรื่องนี้ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการผ่อนปรนต่างๆ ก็เข้าใจทางรัฐบาลว่า ต้องการให้ประเทศเดินหน้าและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้สามารถทำมาค้าขายได้ แต่ก็เป็นห่วงเหมือนกันว่า สำนึกของคนทั่วไปในเรื่องของความรับผิดชอบต่อส่วนรวมจะมีมากน้อยสักเท่าไหร่ เพราะว่าไม่ว่าจะมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดหรือผ่อนปรนจากรัฐบาล ก็มักจะมีวิกฤติที่เกิดจากความรู้สึกไม่สำนึกรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมจนทำให้เกิดการระบาด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของผู้ค้าแรงงานต่างด้าว การลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรอง ไม่มีการกักกันตนเองเมื่อเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง การเปิดดำเนินการของบ่อนการพนัน หรือการไม่รู้จักรับผิดชอบในการจัดงานสังสรรค์รวมกลุ่มจนเกินให้เกิดมีการแพร่กระจายเชื้อโควิดให้เพิ่มมากขึ้น
ที่ห่วงไม่ใช่อะไร เพราะอีกไม่กี่วันก็จะเป็นเทศกาลสงกรานต์ ที่เราทุคนเข้าใจดีว่า เป็นเทศกาลของการเดินทาง สังสรรค์ รวมกลุ่ม พบปะญาติพี่น้อง มีมีการพบปะเจอะเจอความเสี่ยงในการแพร่ระบาดก็มีมากขึ้น และที่สำคัญมีพื้นที่ 14 จังหวัดที่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ล่าสุด ห่างคนในพื้นที่เหล่านั้นมีการเดินทางจะเกิดอะไรขึ้น หรือว่าต้องลุ้นเอาเอง และถึงแม้การจัดกิจกรรมสงกรานต์จะมีมาตรการผ่อนปรน การสาดน้ำ ปะแป้ง จัดคอนเสิร์ต ปาร์ตี้ ต่างๆ ต้องงด การร่วมกลุ่มจัดกิจกรรมทำบุญทางศาสนาที่มีคนเกิน 300 คนต้องมีมาตรการและต้องขออนุญาต หรืออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำดำหัว ต้องอยู่ห่างในระยะ 1 เมตร ขอความร่วมมือในการมีการตั้งวงสังสรรค์ สิ่งเหล่านี้จะทำได้หรือ เพราะการเจอหน้ากันในระดับ 2-3 คนก็สามารถตั้งวงสังสรรค์กันได้แล้ว และไม่มีใครไปแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพราะคนจะดื่มจะกินจัดปาร์ตี้วงเล็กๆ ในหมู่ญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ก็ทำกันทั้งนั้น ถ้าในวงไม่มีคนต่างถิ่นนอกพื้นที่ก็อาจจะเสี่ยงน้อย แต่ถ้าคนร่วมวงมาจากต่างถิ่นความเสี่ยงก็เพิ่มสูงขึ้น
เพราะเราทราบกันดีว่าเมื่อมีการร่วมกันรับประทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่มที่มึนเมาและไม่มึนเมาล้วนแต่เป็นความเสี่ยงในการติดเชื้อในขั้นเสี่ยงสูง จะเห็นได้ว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงเทพมีการเที่ยวกลางคืนไปยังสถานบันเทิงต่างๆ จนมีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากกลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก พูดมากก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าหาเรื่องคนทำธุรกิจกลางคืน หรือเป็นเรื่องที่สิทธิส่วนบุคคล แต่สิ่งที่อยากจะพูดคือเรื่องของสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ว่าคุณๆ นั้นมีความรับผิดชอบมากแค่ไหน เราเองมีญาติจะมาเยี่ยมมาเที่ยวมาพักผ่อน อาจจะพูดแรงแต่ก็พูดออกไปว่า ให้สถานการณ์สงบ คนส่วนใหญ่ในประเทศได้รับการฉีดวัคซีน จะเดินทางไปมาหาสู่มาเที่ยวมาเยี่ยมมาเยือนค่อยมาเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้เก็บเงินค่าน้ำมนรถ ค่าเครื่องบิน ไว้เป็นเงินออมยามฉุกเฉินน่าจะดีกว่า
เพราะบอกเลยว่าปลายนี้การระบาดก็คงจะยังไม่หมดสิ้น กว่าจะมีการฉีดวัคซีนต้านโควินครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศ อย่างเร็วก็น่าจะกลางปีหน้า เก็บเงินไว้ใช้ในสิ่งที่จำเป็น อดทนกันอีกนิดจะได้เที่ยวกันแบบเต็มที่
Downvoting a post can decrease pending rewards and make it less visible. Common reasons:
Submit