"สะพานสายรุ้ง" ตำนานแห่งการรอคอย < The Rainbow Bridge >

in thai •  7 years ago  (edited)

1.jpg

สวัสดีค่ะ... วันนี้ที่นี่ฝนตกแทบทั้งวันไม่ได้เห็นแสงแดดเลยค่ะตั้งแต่เช้า... แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะทำให้คลายร้อนลงไปได้มาก... เพราะความที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเกือบทั้งวัน จนหมดหวังว่าจะได้เห็นแสงแดด เลยไม่ได้เตรียมตัวที่จะออกไปชมพระอาทิตย์ตกตามปกติ... แต่ทันใดนั้น เหมือนฟ้าประทานให้ฝนหยุดตกก่อนท้องฟ้าจะมืดมืด... และแล้วก็ปรากฏวงรุ้งทองผ่องอำไพมาให้เห็นที่ตรงหน้า... มาให้เห็นแบบเต็มโค้งเสียด้วยค่ะ... จำได้ว่าตั้งแต่เกิดมาเคยเห็นรุ้งกินน้ำมาเต็มโค้งแบบนี้ไม่เกิน 3 ครั้ง ... รู้สึกโชคดีจริงๆ ... เมื่อวานนี้มีแอบเขียนเกี่ยวกับเรื่องสัตว์เลี้ยงแทรกไว้บ้างนิดหน่อย ...

วันนี้พอเห็นรุ้งแบบเต็มโค้งเข้า จึงทำให้นึกถึงตำนานเรื่องเล่าของฝรั่งเรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า “สะพานสายรุ้ง” คิดว่าบรรดาคนรักสัตว์ส่วนใหญ่อาจจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ถ้าหากบางคนยังไม่เคยได้ยิน... เอาเป็นว่าวันนี้เราจะถือโอกาสมาเล่าให้ฟังเป็นคนแรกก็แล้วกันค่ะ...

“สะพานสายรุ้ง” คือ ตีม (Theme) เรื่องราวที่ปรากฏในงานเขียนและบทกวีมากมายในช่วงปี ค.ศ.1980 – 1990 กล่าวถึงความรักและความผูกพัน ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยง ไม่ปรากฏชัดเจนว่าใครเป็นผู้แต่งคนแรก แต่สันนิษฐานว่าเป็นเรื่องราว ที่แต่งขึ้นเพื่อให้กำลังใจแก่บรรดาคนรักสัตว์ที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงของพวกเขา และเรื่องราวนี้ก็ได้สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนทั่วโลกในเวลาต่อมา และโครงสร้างของเรื่อง “สะพานสายรุ้ง” นี้ ก็มีความคล้ายคลึงกับตำนานเรื่องเล่าโบราณทางฝั่งตะวันตกอีกหลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น “The Bifrost Bridge of Norse Mythology”

Rainbow-Bridge-heaven.jpg
Image Source

เรื่องราวของ “สะพานสายรุ้ง” กล่าวไว้ว่า มีดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับขอบสวรรค์ มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าสีเขียว มีแสงแดดส่องสว่างสดใสตลอดเวลา เมื่อบรรดาสัตว์เลี้ยงที่เรารักได้จากโลกนี้ไป วิญญาณของพวกเขาเหล่านั้นจะไปอยู่ รวมกันเพื่อรอเราที่นี่…

cat_bridge_by_sei_ten-d4ggw0r.jpg
Image Source

ณ ที่แห่งนั้น ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะจบชีวิตลงด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ร่างกายของพวกเขาจะได้รับการฟื้นฟูจนกลับแข็งแรง และมีอวัยวะที่ครบถ้วนสมบูรณ์ดังเดิม วิญญาณของสัตว์เลี้ยงที่เรารักจะได้พบปะกับเพื่อนๆสัตว์เลี้ยงมากมายจากทั่วทุกมุมโลก และทุกๆวันเหล่าวิญญาณของน้องๆ ก็จะได้วิ่งเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ต้องกลัวว่าจะอดอยาก เพราะดินแดนแห่งนี้มีทั้งน้ำและอาหารอย่างเหลือเฟือให้พวกเขาได้กินตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของสัตว์เลี้ยงเลยทีเดียว... แต่ทว่า...แม้เหล่าน้องๆ จะมีความสุขกันมากมายสักแค่ไหน... แต่พวกเขายังคงคิดถึงและรอคอยเจ้าของซึ่งยังมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์...

s1850nw5jpejfpwn.jpg
Image Source

และแล้วในวันหนึ่ง... วันที่เจ้าของได้จบชีวิตลง... ในวันนั้นน้องๆจะหยุดวิ่งเล่นชั่วคราว...หันซ้ายแลขวา... ทำจมูกฟุดฟิดสูดอากาศรอบตัว... สายตาจับจ้องรอคอยว่าเมื่อไหร่บุคคลที่เฝ้ารอมานานแสนนานจะมาถึง... และในวินาทีนั้น...ด้วยความตื่นเต้นดีใจที่เห็นเจ้าของ... น้องๆเริ่มออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อจะไปสู่อ้อมกอดของเจ้าของให้เร็วที่สุด ... ความสุขที่ได้รับมานานแสนนานในช่วงระยะเวลาหลายปีบนดินแดนแห่งนี้ เทียบกันไม่ได้เลยกับความสุขแค่เพียงวินาทีแรกที่ได้พบกับเจ้าของอีกครั้ง... และเมื่อทั้งคู่ได้พบ..หลังจากกอดรัดและทักทายกันจนเป็นที่พอใจหายคิดถึงแล้ว... พวกเขาก็ได้พากันเดินข้าม “สะพานสายรุ้ง” เพื่อไปสู่สรวงสรรค์ และนับจากนั้นพวกเขาก็จะไม่มีวันพลัดพรากจากกันอีกเลย….

“…หากเป็นเช่นนั้นจริง…ทุกครั้งเมื่อเราเห็นสายรุ้ง…นั่นก็หมายความว่า…การรอคอยที่ยาวนานของทั้งคู่ได้สิ้นสุดลงแล้ว… ”


12348108_10206975785171205_2816284285765636296_n.jpg

“จงพยายามเป็นสายรุ้งในเมฆฝนให้แก่คนที่กำลังหม่นหมอง”
“Try to be a rainbow in someone’s cloud.”
Maya Angelou

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม อัพโหวด และคอมเม้นต์
สิ่งเหล่านี้จะเป็นกำลังใจให้เราสามารถสร้างโพสต์ที่ดีออกมาได้อย่างต่อเนื่อง
Thankful for all followers, upvotes and comments,
you give me energy to create more good posts.
@bbkastro

Authors get paid when people like you upvote their post.
If you enjoyed what you read here, create your account today and start earning FREE STEEM!
Sort Order:  

เขียนดีจังค่ะคุณก้อย พี่ซีเป็นคนทีไม่มีสัตว์เลี้ยง ตายไปคงไม่มีใครฟุดฟิดจมูกรอแน่ๆเลย 😀

ของคุณค่ะพี่ซี ตอนนี้ไม่มีเหมือนกันค่ะ และไม่คิดจะมีอีกแล้ว เพราะไม่มีเวลาดูแล และเวลาที่เขาจากไปแล้วมันก็เศร้าด้วยค่ะ :-)

เป็นบทความที่ดีมากๆค่ะ

เป็นบทความที่ดีมากๆค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ ที่เข้ามาแวะทักทาย