วัดถ้ำผาแด่น : สถานที่ต้องห้าม "พลาด"

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆทุกคน วันนี้โรสพอมีเวลาว่างหลังเลิกงานก็เลยจะพาเพื่อนๆ ไปชมความงามของวัดถ้ำผาแด่นค่ะ วัดตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน ที่บ้านดงน้อย ตำบลดงมะไฟ จังหวัดสกลนคร ห่างจากตัวจังหวัดเพียง 17 ก.ม. เองค่ะ แต่โรสเดินทางจากอุดรธานีไปที่สกลนครระยะทางก็ 159 ก.ม. รวมระยะทางแล้วถือว่าไม่ไกลมากที่จะเดินทางไป-กลับ (ไม่ไกลมากเพราะมีคนขับรถให้และถ่ายภาพให้ด้วยค่ะ) ไปถึงที่จอดรถที่ทางวัดจัดไว้ ก็ต้องรอขึ้นสองแถวเพื่อขึ้นไปชมวัดนะคะ ค่าบริการท่านละ 10 บาท รวมไปและกลับลงมาค่ะ ระยะทางจากจุดนี้ถึงวัดประมาณ 2-3 ก.ม. ค่ะ ขึ้นมาถึงด้านบน รถจะจอดให้หน้าประตูเข้าเลยค่ะ เรามาชมกันเลยว่าที่นี่ต้องห้าม "พลาด" ยังไง ตามโรสมาเลยค่ะ

• เดินผ่านซุ้มประตูวัดเข้ามาก็จะเจอศาลาด้านซ้ายมือซึ่งด้านในมีแท่นหินแกะสลักเป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดปางต่างๆ ไว้ด้านในค่ะ แต่วันที่โรสไป คนเยอะมากค่ะเลยไม่ได้เข้าไปด้านในศาลา

• ติดกับศาลาจะเป็นรูปปั้นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ซึ่งแกะสลักจากหินก้อนใหญ่ทั้งก้อน มีช้างหมอบอยู่ด้านข้างและมีงูใหญ่คอยปกป้องอยู่ด้านหลังค่ะ

• พอมองมาด้านขวาจะเจอกับแท่นหินขนาดใหญ่มากๆ ถึงมากที่สุด ที่ด้านหน้าจะแกะสลักภาพพญาครุฑเวสสุวรรณ ด้านข้างแกะสลักเป็นพระพุทธสีหไสยาสน์ สูง 8 เมตร ยาว 19 เมตร เป็นที่กราบไหว้ของผู้คนที่มาที่วัดค่ะ และด้านบนหินทรายขนาดใหญ่นี้จะมีหินสีทอง เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ ซึ่งตามคติในศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนา เขาพระสุเมรุคือภูเขาที่เป็นหลักของโลก เป็นจุดศูนย์กลางของโลกหรือจักรวาลค่ะ

• เมื่อเดินอ้อมมาด้านหลังหินทราย จะมีเหมือนระเบียงให้เดินขึ้นไปด้านบน ซึ่งด้านบนจะมีการแกะสลักพระพุทธบาทจำลองสี่รอยซ้อนกัน และมีการนำบาตรพระวางไว้ในรอยพระพุทธบาทจำลองให้คนที่ไปกราบพระได้ตั้งจิตอธิษฐานและโยนเหรียญลงบาตรเพื่อเสียงทายว่าคำอธิษฐานเราจะเป็นจริงมั้ย ลองอธิษฐานแล้วโยนไปสามเหรียญ ลงแค่เหรียญเดียว คนที่พาไปโยนสามเหรียญเข้าหมดเลยค่ะ (แอบอิจฉาเล็กๆ )

• และที่หินก้อนด้านล่างสุดจะเป้นภาพแกะสลักที่เรียกว่าหินสี่มหาเทพหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า "หินเทพ" ค่ะ แต่วันที่โรสไปส่วนนี้กำลังบูรณะค่ะจึงเก็บภาพมาได้เพียงเท่านี้เองค่ะ

• ลงจากระเบียงพระพุทธบาทจำลองมาและเดินอ้อมกลับมาด้านหน้าหินเพื่อเดินต่อไปด้านใน ตรงเข้าไปนิดเดียวจะเจอศาลายาใจคนบุญ ซึ่งนำเอาต้นไม้ขนาดใหญ่หายาก อายุหลายร้อยปีมาสร้างเป็นศาลา สวยงามมากๆ แต่ยังไม่สมบูรณ์ 100% นะคะ จึงชมอยู่แค่ด้านหน้าศาลา

• จากนั้นโรสก็เดินเลี้ยวไปด้านขวาของศาลาซึ่งจะเจอกับจุดที่เพื่อนๆ ทุกคนน่าจะชอบนะคะ เพราะเป็นระเบียงที่กว้างมากและเป็นลานชมวิว 180 องศา สามารถมองเห็นวิวรอบๆวัด และจังหวัดสกลนคร แต่ก่อนที่จะไปชมภาพลานชมวิว โรสขออนุญาติหาอะไรดื่มดับกระหายซักครู่นะคะ อากาศค่อนข้างร้อน แดดจัดมาก ป่ะ...ไปค่ะ ไปดื่มน้ำกัน

• หน้าลานชมวิวมีร้านขายเครื่องดื่มนะคะ วันนั้นคนค่อนข้างเยอะต้องรอคิวหน่อย รอซักห้านาทีได้แดงมะนาวมาหนึ่งแก้ว สดชื่นมากๆ เลย หลังได้ดับกระหายด้วยน้ำหวานแล้ว เราไปลานชมวิวกันดีกว่าค่ะ ดูซิว่าสวยขนาดไหน

• บอกเลยนะคะว่าสวยมากๆ ถึงแม้จอนนั้นจะเป็นเวลาบ่ายสองโมงซึ่งแดดยังแรงพอสมควร มีโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่งเล่นชื่นชมธรรมชาติรอบๆ มีมุมให้เก็บภาพพอสมควรเลยค่ะ โรสถ่ายภาพซักนิดหน่อยจนพอใจในระดับนึง ก็เลยอีกฝั่งของศาลา เห็นมีบันไดขึ้นไปด้านบนค่ะ เราขึ้นไปดูกันนะว่ามีอะไรข้างบน

• โรสเดินขึ้นมานับขั้นบันไดได้ประมาณ 180 ขั้น ก็มาเจอกับโบสถ์นี้ค่ะ แต่ไม่ทราบประวัติและที่มาเลยนะคะ เพราะด้านบนไม่มีใครให้สอบถามข้อมูลเลยค่ะ และเหมือนไม่ได้ใช้งานแล้วหรือยังไม่เคยใช้งานก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่สังเกตุเห็นมีสัญลักษณ์ "ภปร." อยู่ด้านบน คาดว่าน่าจะสร้างมานานพอสมควรเลย และเมื่อลุกออกมาจากตรงนั้นก็ยังมีทางเดินขึ้นไปอีกด้านบนอีกนะคะ แต่ไม่มีป้ายหรือใครให้ถามจึงไม่กล้าขึ้นไปต่อเดินกลับลงมาด้านล่างค่ะ

หลังจากเดินชมรอบๆ บริเวณวัดทั้งหมดใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ มีอาการปวดขาเล็กน้อย แต่ตื่นตาตื่นใจ น่าเลื่อมใสศรัทธามากๆ คุ้มที่ขึ้นมากราบขอพรในวันนี้ และขากลับโรสก็ต้องไปรอขึ้นรถสองแถวที่ซุ้มทางเข้าวัดเหมือนเดิมนะคะ เพื่อกลับลงไปลานจอดรถและเดินทางกลับบ้านพร้อมความอิ่มใจที่ได้รับในวันนี้

หวังว่าเพื่อนๆ คงชอบการพาชมวัดของโรสในวันนี้นะคะ อาจจะยังเขียนได้ไม่ดี เพราะปกติทำแต่หนังสือราชการค่ะ จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นในบทความต่อๆ ไปนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและแสดงความเห็น กดโหวตและกดติดตามค่ะ

ขอบคุณพี่หนุ่ม @pranthira ที่งดถ่ายภาพสต็อกหนึ่งวันและตื่นแต่เช้าขับรถพาไปวัดในครั้งนี้และถ่ายภาพสวยๆ ให้ด้วยตลอดทริป ขอบคุณมากๆ ค่ะ

"โรส"