เมื่อเทศกาลปีใหม่เวียนเข้ามาที ก็ถือเป็นจังหวะดีที่หลายๆ คนวางแผนรีเซ็ทตัวเอง ตบตัวเองให้กลับเข้ามาอยู่กับร่องกับรอย หลังจากอาจจะหลงๆเบลอๆ ไปบ้างตลอดช่วงหลายเดือนที่มีเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามารุมเร้า เป็นจังหวะดีที่เราคิดว่าจะหายใจเข้าลึกๆ แล้วตั้งใจเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือสภาพแวดล้อมไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น
มนุษย์เราอยู่ได้ด้วยความหวัง หวังว่าอะไรๆ มันจะดีขึ้น ธรรมเนียมการตั้ง New Year's Resolution จึงเป็นที่แพร่หลายในหมู่มวลมนุษยชาติทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นอารยธรรมโบราณ
เราๆ ท่านๆ ต่างรู้ดีว่า New Year's Resolution นั้นไม่ใช่เวทมนตร์ ไม่ใช่ว่าเขียนแล้วจะทำสำเร็จเรื่อยไป กลับกัน เปอร์เซ็นต์ความล้มเหลวนั้นทิ้งห่างคนที่ทำสำเร็จแบบลิบลิ่ว (แน่นอน ฉันก็เป็นหนึ่งในคนหมู่มาก 555) จึงมีความพยายามมากมายที่จะหาวิธีการแก้ปัญหานี้ ทั้งแบบที่เป็นนามธรรม และรูปธรรม
ในยุคที่อะไรๆ ก็รวดเร็วจนเรารู้สึกว่าเวลาแต่ละวันช่างจำกัดจำเขี่ย ผู้คนก็ชอบอะไรที่มัน solid วิธีแก้แบบวันชอต อย่างเช่นเขาว่าให้ประกาศ New Year's Resolution ลงบนโซเชียล เพราะเป็นการ commit ตัวเองต่อหน้าสาธารณชน แบบว่าถ้าเฟลขึ้นมาก็ขายขี้หน้าเพื่อนทั้งเฟรนด์ลิสต์แน่ๆ
ฟังดูเมคเซ้นส์ใช่ไหมคะ? ไม่น่าแปลกใจที่พอขึ้นปีใหม่ที เราก็จะเจอ New Year's Resolution ของคนนั้นคนนี้เต็มหน้าฟีดเฟซบุ๊ค แต่วิธีนี้ก็ไม่ได้รับประกันผล 100% หลายคนถอดใจ ยอมกลืนน้ำลายตัวเองตั้งแต่ต้นปี หรือต้นเดือนมกราก็มีไม่น้อย
แล้วสรุปว่า New Year's Resolution มันเวิร์คหรือไม่เวิร์คกันแน่ล่ะ เห็นฮิตกันเหลือเกิน?
คุณ Jocko Willink อดีต US Navy Seal ที่กลายมาเป็นนักพูดนักเขียนคนดัง มีความเห็นเกี่ยวกับการตั้งปณิธานปีใหม่ อยู่ในหนังสือ Discipline Equals Freedom ของเขา ว่าผู้คนนิยมตั้งวันเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่าง แล้วไอ้วันที่แย่ที่สุดก็คือวันปีใหม่นั่นเอง สังเกตได้จากตัวเลขของผู้ตั้งปณิธานในวันปีใหม่ มีเพียง 10% เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ
กุญแจของปัญหานี้คือ 'เวลา'
Willink มองว่า ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าอะไรเมื่อไหร่ก็ตามในอนาคต มันก็เป็นแค่การผลัดวันประกันพรุ่งเท่านั้นแหละ! เข้าใจได้ว่ามันคือธรรมชาติของคนเราที่จะผลัดกิจธุระที่ไม่อยากทำไปไว้วันหลัง แต่การเปลี่ยนแปลงจะได้ผลดีที่สุดเมื่อมันถูกเริ่มลงมือทำโดยเร็วที่สุด นั่นก็คือ 'เดี๋ยวนี้'
การป่าวประกาศ New Year's Resolution ให้รางวัลกับผู้ประกาศทันทีในเชิงความรู้สึก ไม่ต้องใช้พลังมากมาย แค่พูดออกไปต่อหน้าสาธารณชนว่า ปีนี้ฉันจะเข้ายิม! ก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาแล้ว แถมยังได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างอีกเพียบ (ทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่าแค่คิดเชิงบวก สมองก็จะหลั่ง dopamine หรือสารความสุขทันที) แต่ก็ด้วยความฟินง่ายๆ นี่แหละ โอกาสที่เราจะทอดทิ้งการลงมือทำจริงนั้นเป็นไปได้สูงมาก!
วิธีแก้เคล็ดอาถรรพ์ New Year's Resolution ที่ Willink แนะนำคือ แทนที่จะป่าวประกาศเป้าหมายต่อหน้าสาธารณชน ให้ค่อยๆ ประกาศก้าวเล็กๆ ทีละก้าว ที่เราได้ลงมือทำไป ทีละแอคชั่นเล็กๆ ที่จะประกอบกันเป็นเส้นทางสู่เป้าหมายของเรา เข้าคอนเซ็ปท์พี่ตูนเลยทีเดียว
มาถึงตรงนี้ New Year's Resolution ที่เขียนไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มกรา ก็ยังกองอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมขึ้นมาคือความหวัง! งั้นเริ่มลงมือทำพรุ่งนี้เลยแล้วกัน 5555+ สวัสดีค่ะ~~