หลายๆ คนในทีมงานของผม มักจะกลัวคำว่า "ทำได้" ของผมมาก ^^

in thai •  7 years ago  (edited)

ช่วงนี้ค่าของ steem dollar ลดลงไปมาก ^^ แต่ก็อย่าไปซีเรียสครับ ^^ หลายๆ คนนี่ตามผมเข้ามาใช้งาน steemit เพราะเห็นผมเบิกเงินออกมาได้เยอะ ยิ่งที่พึ่งสมัครผ่านและเข้ามาโพสต์ใน steemit ก็คาดหวังกับรายได้ที่นี่ไว้สูงพอสมควรเลย ^^ คือช่วงที่ผมเบิกราคามันยังไม่ลดขนาดนี้ครับ ^^ แต่ว่ามันก็มีขึ้นมีลงเหมือนกับเงินบาทหรือเงินยูโรและดอลล่า ที่เราใช้จับจ่ายซื้อของกันนี่แหล่ะครับ ^^ ช่วงนี้ใครอยากจะเบิกออกไปใช้ก็เบิกได้ครับ แต่ถ้ามันน้อยกว่าที่คิดไว้ ก็ไม่ต้องเสียใจหรือน้อยใจครับ ส่วนผม ผมรออีกสักระยะก็แล้วกัน ^^ รอให้พุ่งขึ้นมาก่อน ผมถึงจะเบิก ^^

พอดีว่าวันนี้ นอกจากจะมีน้องๆ ที่สมัครตามผม แล้วก็พึ่งแอพพรูฟเข้ามาใช้งานหลายคนแล้ว ก็ยังมีน้องๆ ในทีมงานถ่ายภาพกับผม สอบถามว่าอยากโพสต์บน steemit ด้วยแต่กลัวจะทำไม่ได้ ผมก็เลยบอกไปว่า "ทำได้ซิ" ^^ น้องๆ ถึงกะร้อง "อู๊ยยยย" แล้วก็บ่นเลยว่า ไอ้คำว่าทำได้ของพี่ก๊งนี่โคตรน่ากลัวเลย ^^

มีน้อยคนนักที่จะรู้ประวัติความเป็นมาของผม ^^ แต่ในทีมงานทุกคนนี่ส่วนใหญ่จะรู้ครับ ^^ นอกจากว่าเขาจะรู้ว่าผมเป็นขี้เหล้าขี้ยาแล้ว เขาก็ยังมองผมเป็นนักดนตรีที่หาคนมาเล่นแทนได้ยาก และก็เป็นช่างภาพและมือกราฟิกที่ไม่เป็นรองใครเท่าไหร่นักด้วย ^^ น้องๆ ในทีมงานหลายๆ คน จึงกลัวกลับคำพูดที่ว่า "ทำได้" ของผมมาก ^^ ถ้าผมบอกว่า "ทำได้" ทุกคนในทีมจะเหนื่อยใจทันทีเลย ^^ ผมเข้าใจว่า เขาคงขี้เกียจกันอ่ะนะ อยากทำงานให้แล้วๆ ไป ^^ สำหรับผมแล้วนี่ งานทำแค่แก้ผ้าเอาหน้ารอดอ่ะ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมจะไม่ทำ เพราะผมจะพยายามรักษาคุณภาพงานของผมไว้เสมอ เพื่อให้ได้งานชิ้นต่อๆ ไป จากลูกค้าหรือเพื่อนลูกค้า ไอ้ประเภททำงานเดียวแล้วไม่เจอหน้ากันเลยเนี่ย น้อยมากที่จะมี อิอิอิอิอิ

456947_10151187805918951_608789303_o.jpg

ผมเกิดที่อุบลฯ อยู่กะยายมาตั้งแต่เด็กเลย ^^ ผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่ แต่เป็นพี่ใหญ่ของน้องๆ ทางฝ่ายแม่และฝ่ายพ่อ ^^ ผมมีน้องต่างพ่อสองคน และมีน้องต่างแม่อีกสามคน ^^ ผมอยู่กะยายจนได้อายุ 8 ขวบ ก็ถูกส่งตัวไปอยู่กับน้าอีกคนที่ กทม. ผมไปเรียนที่นั่น ผมกลายเป็นเด็กติดเกมงอมแงมเลย ^^ ผมเข้าบ้านสามสี่ทุ่มทุกวันและก็โดนเข็มขัดจนหลังลายทุกวัน ^^ โดนขนาดนั้น ผมก็ยังไม่เข็ด ก็ยังไปนั่งเฝ้าร้านเกมได้ทุกวันเลย ^^

พออายุ 12 ผมถูกส่งตัวมาอยู่กับน้าอีกคนที่เป็นครูสอนนาฏศิลป์ อยู่เชียงใหม่ ^^ ไปอยู่เกือบตีนดอยอินทนนท์เลย เขาส่งไปให้อยู่ห่างไกลเกมมากๆ เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นอกจากจะไกลจากร้านเกมแล้ว ยังไกลบ้านเพื่อนๆ ด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมก็เลยแต่กีต้าร์ เบส และ ออร์แกน เป็นเพื่อนสนิทครับ ^^ อยู่นั่นผมมีแต่เล่นกีต้าร์แก้เซ็ง ^^ เซ็งมากเซ็งน้อยก็คิดเอาว่า ตั้งแต่ที่ผมเริ่มจับกีต้าร์ ผมใช้เวลาแค่สี่เดือน ผมก็ได้เป็นมือกีต้าร์ประจำวงโรงเรียน ^^ ก็เวลาว่างมันไม่มีอะไรทำเหมือนเด็กคนอื่นนี่ครับ อยู่แต่ในบ้านพักครู นอกจากอ่านหนังสือ ก็ฝึกเล่นกีต้าร์แค่นั้นเอง ^^ ช่วงมัธยมนี่ ผมเองก็เกือบจะเสียคนครับ เกือบจะเรียนไม่จบด้วยซ้ำ มัวแต่ไปเอาดีทางด้านดนตรีซะมากกว่า มาติดเริ่มติดเหล้าติดยาก็ช่วงนี้แหล่ะครับ ^^

พอผมจบมัธยม ผมถูกส่งตัวกลับมาอยู่อุบลฯ มาอยู่กับน้าที่เปิดอู่ซ่อมรถยนต์ ผมถูกบังคับให้ทำงานซ่อมรถไปด้วยและเรียนไปด้วย ^^ ตอนนั้นผมเรียน อนุปริญญา วิชาเอก ออกแบบพานิชยศิลป์ เรียนเกี่ยวกับเรื่องวาดภาพ ออกแบบโลโก้และผลิตภัณฑ์ การสร้างสื่อโฆษณา (ป้ายโฆษณา) สกรีน ฯลฯ ในตอนนั้น การทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ยังไม่แพร่หลาย แถมในสถาบันที่เรียนก็ยังสอนแค่ตระกูลไมโครซอฟเอง(ซึ่งตอนนั้นพวกสายวิชาเอกผมจะไม่ได้เรียนคอมพิวเตอร์) งานเกือบทุกอย่าง ต้องสร้างผลงานขึ้นด้วยมือครับ ^^ ในตอนนั้นผมก็เป็นผู้ช่วยวาดภาพให้รถแห่โฆษณาหนังของโรงหนัง และรับวาดภาพประกอบหนังสือให้อาจารย์ที่จะทำอาจารย์สาม ทำป้าย และซ่อมรถไปด้วยครับ ^^

พอจบอนุฯ ผมก็เรียนต่อสองปีหลัง วิชาเอก ศิลปะศึกษา (สายครู) เกือบเรียนไม่จบครับ เพื่อนๆ เขาเรียนกันแค่สองปี รับปริญญาแล้วก็ไปทำงานกันแล้ว ส่วนผมยังนั่งเรียนต่อกับรุ่นน้องอีกตั้งสองปีแหน่ะครับ ตอนจบนี่ เกรดจบแบบคาบเส้นพอดีเลย 2.08

1602149_10151966172363951_1117993728_o.jpg

ผมเรียนจบ ป.ตรี ในปี 44 ซึ่งพอผมเรียนจบออกมานี่ ผมรีบเดินทางเข้าเมืองหลวงมาหางานทำเลย ^^ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่วาดฝันไว้แม้แต่นิดเดียวครับ ^^ อาชีพแรกหลังจากเรียนจบปริญญาตรีของผมคือ เด็กเสิร์ฟครับ ^^ ไอ้ที่เรียนนี่ เอาไปใช้สมัครงานในบริษัทไม่ได้เลย นอกจากจะเอาไปสมัครสอบบรรจุเป็นครู ^^

ผมเป็นเด็กเสิร์ฟนี่ โคตรลำบากกว่าเด็กเสิร์ฟทั่วไปถึงสองเท่าเลยละ ด้วยการที่น้าผมเป็นช่างเสริมสวยให้กับเด็กนั่งดริ้งค์ในร้านที่ผมเป็นเด็กเสิร์ฟ น้าผมโฆษณาไว้เยอะ จนในที่สุดความซวยก็มาเยือนผมโดยไม่คาดหมายเลย ^^ ผมต้องทำงานเป็นช่างศิลป์ตกแต่งร้านและเป็นเด็กเสิร์ฟไปด้วย แต่ว่าเงินเดือนผมได้แค่ในส่วนของเด็กเสิร์ฟเท่านั้นครับ ^^

ผมเป็นเด็กเสิร์ฟได้ประมาณเจ็ดเดือน ผมก็เปลี่ยนงาน ^^ พอดีว่ามีอาร์ทไดเร็กเตอร์มากินเหล้าที่ร้านแล้วก็ชวนผมไปทำงานเป็นเด็กพร็อพฉากหนังครับ ^^ ก็เคยฝากฝีไม้ลายมือไว้ในหนังอยู่สองเรื่องอ่ะครับ แต่ไม่ได้อยู่ทำจนจบเรื่อง ก็มีอันต้องเปลี่ยนงานอีก ^^ คือว่าหนังมันพักกองบ่อย บ่อยจนเงินไม่พอใช้ ก็เลยไปสมัครงานบริษัทอีกครั้งครับ ^^ โคจรมาเจอกับคู่อริในสมัยมัธยมก็ที่นี่แหล่ะครับ ^^ ผมมาอยู่นี่ ถือว่าผมโชคดีมากเลย ผมได้งานเพราะลูกพี่ที่บริษัทนี้ขี้เกียจ แกขี้เกียจมาก ชอบโยนแต่งานให้ลูกน้องทำส่วนแกไม่ทำ นอกจากสั่งอย่างเดียว จนลูกน้องเก่าๆ ลาออก ^^ ที่ว่าโชคดีเพราะความขี้เกียจของแกนั้นอ่ะ คือแกขี้เกียจจนต้องโยนหน้าที่ทำกราฟิกมาให้ผมทำด้วย ^^ ผมบอกแกว่าผมใช้คอมฯ ไม่เป็น ไม่เคยจับเลย ^^ แกก็เลยไปซื้อหนังสือสอน PhotoShop Iและ Illustrator มาให้ผม แล้วก็บังคับให้ผมทำ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่ผมก็ต้องลาออกจากงานที่บริษัทนี้ เพราะผมป่วยเป็นตับอักเสบ ^^ ช่วงนั้นเป็นช่วงหาเงิน ว่าจะแต่งเมีย ผมทั้งทำงานกลางวันเป็นช่างศิลป์และเล่นดนตรีกลางคืน ^^ ช่วงนั้นติดเหล้าหนักมาก ^^ จนผมป่วยและต้องลาออกกลับมาอยู่บ้าน เมียก็ไม่ได้แต่งครับ เขาไปแต่งกับคนอื่น ^^ ไม่รู้เขาไปคบกันตอนใหน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ช่วงผมกลับมาอยู่บ้าน ผมก็เป็นช่างซ่อมรถ และก็กลับมารับวาดรูปประกอบหนังสือให้อาจารย์เหมือนเดิม แต่คราวนี้พัฒนาขึ้นครับ วาดด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ^^ แล้วก็ในตอนนั้นผมกลับมาเป็นผู้ใหญ่ติดเกมอีกครั้ง ผมว่างผมก็จะนั่งเล่นเกม ตอนนั้นแร็กนาร็อค ยังมีแค่เซิฟเวอร์เกาหลี ยังไม่ดังเท่าไหร่ แต่ผมก็ติดแล้วครับ อิอิอิอิ ^^

ผมเล่นเกมต่างๆ มากมาย จนผมรู้สึกเบื่อ เบื่อตรงที่แต่ละเกม มันก็มีแต่เนื้อเรื่องเดิมๆ ของเกมมันนั่นแหล่ะ ^^ จนในที่สุด ผมก็มีความคิดแว็บเข้ามาในหัวว่า "ทำไมกูไม่สร้างเกมเองว่ะ" ความคิดมันแค่แล่นเข้ามาแว็บเดียวครับ แว็บเดียวแค่นั้นแหล่ะ ผมนี่รีบเปิดกูเกิ้ลหาข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมสร้างเกมทันทีเลย ^^ และแล้วผมก็มาศึกษาโปรแกรม Macromedia Flash เอาเองครับ การเขียนคำสั่งแอคชั่นสคริป มันเป็นอะไรที่ยากมากเลย ^^ ผมใช้เวลาศึกษาเอาเองอยู่นานมากๆ จนผมก็สร้างเกม 2D ขึ้นมาได้เกมนึง แต่สร้างได้แค่ฉากเดียวครับ เพราะเขียนเป็นร้อยฉากนี่ เครื่องคอมฯ มันรับไม่ได้ครับ มันจะแฮ็งค์ก่อน ^^

Hanuman.jpg

กิเลสเกี่ยวกับการสร้างเกมของผม มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นอ่ะซิ ผมสงสัยมากเลยว่าทำไมคอมฯ ถึงแฮ็งค์บ่อยๆ เอาไปลงวินโดว์ใหม่กับช่างบ่อยมาก เอาไปลงทีนึงก็รอเกือบอาทิตย์แถมช่างก็อธิบายไม่ได้ละเอียดมากนัก ว่าสาเหตุที่คอมฯ แฮ็งค์มันเป็นกะอะไร ^^ ด้วยความที่รำคาญช่าง ผมเปิดกูเกิ้ลศึกษาเรื่องคอมพิวเตอร์เองเลย ^^ ผมทำคอมฯ พังไปสองตัว ผมถึงซ่อมและประกอบคอมฯ เองได้

ทีนี้เมื่อรู้แล้วว่าอะไรตัวใหนที่ประกอบคอมฯ ออกมาให้มันทำงานแมทกับโปรแกรมได้ ผมก็กลับมาศึกษาเพื่อจะสร้างเกมอีกครั้ง แต่รอบนี้ผมดันอยากสร้างเกม 3D ^^ ผมศึกษาพวกโปรแกรม 3D , Maya , AutoCad ด้วยตัวเองครับ ^^ เอาเงินมาประกอบคอมหมด ไม่มีตังค์ไปเรียนครับ เลยต้องศึกษาเองผ่านกูเกิ้ล ^^ อ้อ ช่วงเรียนเองจากกูเกิ้ลนี่ลำบากมากครับ ต้องถือดิกชินนารี่ไว้ตลอดเลย ^^ ตอนนั้นผมศึกษาโปรแกรม Cakewalk Sonar ไปด้วย เพราะมันต้องใช้ในการทำดนตรีประกอบเกม ^^

ผมใช้เวลาไปกับการสร้างเกม 3D อยู่ปีกว่าๆ แต่สุดท้ายผมทำไม่ได้ครับ เพราะภาษาแอกชั่นสคริปมันซับซ้อนมาก จนผมเขียนให้มันแสดงผลตามที่ต้องการไม่ได้ และแล้วผมก็หยุดเลยผมไม่ไปต่อกับการสร้างเกม 3D แล้ว ^^ ผมหันมาแต่งเพลงและเขียนกราฟิกเล่นๆ ครับ ^^

จนเมื่อปี 47 หรือ 48 นี่แหล่ะ น้าผมที่เป็นครูอยู่เชียงใหม่ ย้ายกลับมาอยู่ที่อุบลฯ น้าผมจะทำอาจารย์สาม ^^ แกเป็นแค่ครูนาฏศิลป์ แต่ถ้าแกจะทำผลงานวิชาการ แกต้องทำผลงานวิชาการของศิลปะและดนตรีด้วยครับ ^^ แกใช้ความรู้ที่ผมมีซะคุ้มเลย ^^ ผมต้องไปเป็นครูอัตราจ้างกับแก ให้แกศึกษาจากผมเพื่อเขียนผลงานและผมก็ต้องทดลองแผนการสอนที่แกเขียนด้วย ^^ เท่านั้นยังไม่พอ ผมต้องทำเว็บไซต์ และเว็บแห้ง อีบุ๊ค สื่อการสอนมัลติมีเดีย ให้แกด้วย ^^ ในช่วงนั้น น้าผมเป็นครูที่มีนวัตกรรมที่สูงกว่าครูในแถบเดียวกันครับ ^^

แถมตอนนั้นน้าคนที่ทำอู่ซ่อมรถแกสั่งจักปักรคอมฯ มาให้แฟนแก(น้าสะไภ้ผมนี่แหล่ะ) ^^ ผมโดนบังคับให้เรียนรู้การใช้งานจากคนขายด้วยครับ ^^ คนขายนี่ยิ้มแก้มปริเลย เขาบอกว่าตั้งแต่ขายจักรมา ก็มีที่ขายให้น้าผมนี่แหล่ะ ง่ายที่สุดเลย ^^ ผมใช้เวลาในการเรียนรู้วิธีสร้างลายปักด้วยโปรแกรม Wilcom จากเขาเพียงแค่สองวันเอง และด้วยความที่เป็นช่างซ่อมรถมาก่อน ผมเรียนรู้วิธีตั้งค่าเครื่องจักรกับเขาแค่แป็บเดียวเอง ^^

ตอนนั้นผมเลิกเป็นครูอัตราจ้างแล้วนะ ^^ ผมกลับมาเล่นดนตรี และผมก็ทำงานช่วยน้าผม ทั้งปักจักรให้น้าอีกคน และช่วยทำซี 9 ให้น้าอีกคนด้วย ^^ จนแกกำลังจะได้ ซี 9 แต่โชคไม่ดีเสียก่อน เมื่อปี 55 แกเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกไปก่อนที่เขาจะประกาศแต่งตั้งให้แกเป็น ซี 9 ครับ

พอน้าเสียไปแล้ว ผมก็เลยเล่นดนตรี ปักผ้า ทำป้าย ออกแบบกราฟิก และเป็นนักจัดรายการวิทยุของคลื่นชุมชนด้วย จนกระทั่งผมมีเงินพอซื้อกล้อง DSLR นี่แหล่ะ ผมก็เลยหันมาเป็นช่างภาพ ^^

12890973_10153519718133951_8129266443396071248_o.jpg

ปัจจุบันนี้ ผมใช้งานพวกโปรแกรมกราฟิกและทำเพลง เป็นเกือบทุกโปรแกรมและเกือบทุกเวอร์ชั่นครับ ^^ แต่ผมมีรายได้หลักจากการถ่ายภาพ (ทำกราฟิก ถ่ายวีดีโอและทำซีจี เขียนแปลนด้วยโปรแกรมและทำภาพ 3D และอัดสปอตโฆษณา พวกนี้เป็นรายได้เสริม เสริมมากๆ เลย เพราะนานๆ มีที ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) บางทีก็โดนลากให้ไปช่วยซ่อมรถ ปักผ้า และก็สารพัดช่างที่เกี่ยวกับการตกแต่งต่อเติมร้านและกิจการของญาติพี่น้องผม ^^


ประวัติความเป็นมาของผมเป็นแบบนี้ น้องๆ ในทีมงานผมหลายคนจะรู้ เขาก็เลยค่อนข้างกลัวกับคำว่า "ทำได้" ของผมมากๆ เลย ^^ คือถ้ามีน้องในทีมบ่นขึ้นมาว่า "โอ้ยพี่มันทำไม่ได้หรอก" หรือ "ผมทำไม่ได้หรอก" ผมจะสวนกลับไปเลยว่า "ถ้าขี้เกียจก็ไปพักซะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง" ^^ แต่ถ้าเมื่อไหร่ผมพูดว่า "มันทำไม่ได้หรอก" ทุกคนในทีมก็จะโล่งอกเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คือที่ทำไม่ได้เนี่ย อาจจะเป็นเพราะเวลาที่จำกัดกับทุนทรัพย์ที่กำจัด มันก็เลย "ทำไม่ได้" อิอิอิอิ

ก็กล่าวประวัติคร่าวๆ ให้ได้รับทราบแล้ว ^^ ใครจะทอดผ้ามหาบังสกุลกับวางดอกไม้จัน ก็อย่าพึ่งนะครับ ยังไม่ถึเวลาของผมนะครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Authors get paid when people like you upvote their post.
If you enjoyed what you read here, create your account today and start earning FREE STEEM!
Sort Order:  

เก่งมากพี่ชาย

จ้าาาาาาาาาาาาาาา

ชีวิตคุณก๊งนี้หลากหลายรสชาติ​และหลายอาชีพจริงๆ เกิดมาคุ้มค่า ได้ทำหลายๆ อย่าง เรื่องทำได้ทำไม่ได้นี้นานาจิตตังเลยค่ะ วิจะคอยให้กำลังใจคนที่เค้าพร้อมที่จะทำ แต่ถ้าคนที่เค้าไม่อยากวิจะเฉยๆ ค่ะ เพราะยิ่งเราพูดเยอะ พูดมาก เค้าจะพาลเบื่อเราปล่าวๆ เหมือนวิชวนใครเล่นถ้าตั้งใจวิก็สนับสนุน​คอยช่วยกัน บางคนสมัครไม่เล่นไม่เขียนวิก็เฉยๆ หรือคนที่ไม่สมัครถึงจะรู้ว่าน่าจะได้เงิน วิก็ไม่บังคับ การใช้ชีวิต มุมมองความคิดคนมันแตกต่างกันค่ะ ไม่มีถูกผิด ที่ชอบบอกทำไม่ได้มีเยอะค่ะไม่ต้องเรื่อง steemit​หรอกค่ะ เรื่องใช้ชีวิตทั่วไปก็เห็นกันเยอะ เราโฟกัสกับตัวเรากับคนที่เค้าเชื่อและทำตามเราจะดีกว่า นี้คือมุมมองของวิ จะได้ไม่เครียดและคาดหวังเกิน ใช้โพสคุณก๊งในการบ่นเลยนะค่ะ 5555 ตอนนี้เงินลงวิก็คิดว่ามันเรื่องปกตินะค่ะ น้ำขึ้นน้ำลง เหมือนราคาเงินบาทกับเงินต่างประเทศ ถ้ามาคิดว่าเขียนแล้วได้เงินน้อย ไม่ดึงดูด เราก็ต้องปล่อยเค้าไปค่ะ เราอยู่ยั่งยืนยงนี้สำคัญที่สุด ☺️😊😉

บ่นได้ไม่ว่ากันครับคุณวิ คิดว่าแลกเปลี่ยนแนวคิดกันครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คือกับคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวผม ผมก็ให้เท่าที่เขาอยากได้ และก็เท่าที่ผมมีอ่ะครับ ^^ นอกนั้นก็แล้วแต่เขาเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อ่านเพลินดี😀ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ค่ะ

ขอบคุณครับผม ^^

ชีวิตมีสีสันที่แท้ทรู ทำหลายๆอย่างก็จะรู้หลายๆศาสตร์ :)

รู้มากๆ ก็แย่นะ หมายถึงถ้าคนอื่นรู้เกี่ยวกัยเรามากๆ นี่เราแย่เลย เขาจะใช้เราทำทั้งหมดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นี่แหละ คุ้มค่าในการใช้ชีวิต ใช้ให้คุ้มครับ ทำทุกอย่างที่อยากทำ

ว้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ผมอยากทำลูก แต่ยังไม่ได้ทำเลย อิอิอิอิ

ประวัติดีมากๆค่ะการทำงานประสบการณ์เพดานบินสูง สุดยอดเลยค่ะท่านอาจารย์พี่ก๊ง^^

นี่แหล่ะจ้าคนความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ แต่ละคนก็แต่ละเรื่องราวไปเนอะ

ตอนนี้ไม่ซีเรียสอะไรอ่ะครับ ^^ เลยเอามาแบ่งปันสู่กันครับผม ^^

ประวัติชีวิตสุดยอดเลยครับ อ่านซะเพลินเลย ^_^

ขอบคุณครับ จริงๆ แล้ว พอผ่านมาจนถึงตอนนี้ได้ ผมเองก็งงๆ เหมือนกันครับว่า ผ่านมาได้ยังไง ^^

แล้วก๊งคนใหนในรูปข้างบน....สุดยอดของคนเลย 555 .....เบาๆดื่มเหล้าบ้างก็ดีเน้อ จะได้อ่านเรื่องราวบน steemit นานๆๆ :-D

ใส่แว่นดำครับ อิอิ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยดื่มแล้วพี่ ^^

เข้ามากรี๊สสสส 🤣 วิวัฒนาล้ำเลิศมากค่ะพี่ก๊ง
หมายถึงความสามารถนะ 555+

มันวิวัฒนาการได้ถอยหลังสุดๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ทุกวันนี้เป็นมนุษย์นีอันเดอทอลแล้วครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

  ·  7 years ago Reveal Comment

Caution: Phishing Scammer!

Please do not click on the link!

The link will take you away from Steemit.com. Please be careful.