นายบุญสืบ แกล้วกล้า กำนันตำบลกระแสบน อ.แกลง จ.ระยอง ได้ เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีการร่ำลือถึงอาถรรพ์ ของถ้ำอาถรรพ์บนเขาถ้ำ ในป่าชุมชนของหมู่บ้านกระแสบน ม.8 ต.กระแสบน หลังมีการฮือฮา เกี่ยวกับอาถรรพ์ต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นเสียง ดนตรีไทยดังในช่วงกลางดึก พบ ดวงไฟลอยอยู่เหนือถ้ำ ซึ่งในปัจจุบันยังคงได้ยินกันอยู่
กำนันบุญสืบ ได้ กล่าวว่า เกี่ยวกับคำร่ำลือดังกล่าวเป็นเรื่องจริง พร้อมทั้งนำทาง พาผู้สื่อข่าวเดินขึ้นไป ยังบริเวณเขาถ้ำ ป่าชุมชนของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นเนินเขาไม่สูงมาก ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 500 เมตร พอขึ้นไปถึงพบกองหินขนาดใหญ่วางทับซ้อนกัน พอขึ้นไปดูพบว่าเป็นช่องเข้าไปเหมือนกับปากถ้ำ ลึกเข้าไปประมาณ 1 เมตร ก็มีแผ่นหินปิดกั้นไว้ไม่สามารถเข้าไปได้ และ ยังพบว่าบริเวณทางเข้าที่คล้ายปากถ้ำมีร่องรอยเหมือนมีการเดินเข้าออก จนกลายเป็นร่องทางเดิน ตรงหน้าปากถ้ำที่ถูกปิดยังเหลือช่องขนาดเล็ก เมื่อส่องเข้าไปก็พบว่ามีความลึกลงไป แต่ไม่สามารถมองเห็นภายในได้เพราะมีผนังถ้ำบังอยู่ นอกจากนี้รอบๆถ้ำ ยังมีต้นไม้ใหญ่ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่หลายต้น และ ยังมีซากปรักหักพังของปูน ซึ่งเป็นสำนักสงฆ์ร้างในอดีต
กำนันบุญสืบ เปิดเผยต่ออีกว่า เกี่ยวกับถ้ำแห่งนี้ มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า นับร้อยปีมาแล้ว แต่เดิมมีการเล่าสืบต่อกันมาว่า ในอดีตภายในถ้ำชาวบ้านสามารถเข้าไปหยิบยืมถ้วยชาม ออกมาใช้ในงานบุญของหมู่บ้าน แต่ปรากฎว่า พอชาวบ้านบางรายนำถ้วยชามออกไปใช้แล้วแต่ไม่ยอมนำมาส่งคืน และ แตกหักเสียหาย ตั้งแต่นั้นปากถ้ำก็เริ่มปิดลงเอง โดยไม่ทราบสาเหตุ แผ่นหินด้านหน้าปากถ้ำเคลื่อนที่เข้าหากันจนเหลือความกว้างเพียง 50 ซม. และ ยังมีแผ่นหินเคลื่อนปิดลงปิดปากถ้ำไว้จนเข้าไปภายในไม่ได้อีก โดยเชื่อว่าสิ่งศักดิ์ที่ดูแลทรัพย์สินภายในถ้ำไม่พอใจชาวบ้านที่ไม่ยอมรักษาของที่ยืมไปใช้ และไม่นำมาคืน จึงปิดปากถ้ำไม่ให้เข้าไปได้อีกเลย และ ที่ผ่านมาเคยเกิดไฟป่าลุกลามไปทั่วบริเวณรอบๆถ้ำ แต่ปรากฎว่าไฟไม่ลามเข้าไปไหม้ในรัศมีของถ้ำเลย จึงเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์คอยคุ้มครองอยู่จึงรอดจากไฟป่ามาได้ ที่ผ่านมาได้มีพระสงฆ์มาพักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวตามลำพัง แต่ต่อมาก็ได้ผูกคอจนมรณะภาพบนต้นไม้ข้างถ้ำดังกล่าว จึงถูกปล่อยให้ร้างไป เหลือเพียงเศษซากของกุฏิ
ด้านนายไพโรจน์ วงศ์ตรุษ อายุ 65 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เขาถ้ำ ได้เปิดเผยว่า ในตอนที่ตนเองยังเด็กอยู่ ยังพบเห็นเศษชิ้นส่วนแตกหักของถ้วยชามดินเผา ถูกทิ้งอยู่ที่หน้าปากถ้ำ ยังเคยเก็บมาเล่นโดยไม่ได้สนใจว่าเป็นของโบราณ จนกระทั่งผ่านกาลเวลามาจนถึงปัจจุบันก็ได้หายไปหมด แต่ยังมีสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติปรากฎให้ได้เห็นและได้ยินกัน คือ เสียงเครื่องดนตรีไทยจะดังขึ้นในช่วงกลางดึกของทุกวันพระใหญ่ โดยจะมีชาวบ้านได้ยินกันเป็นประจำ นอกจากนี้ยังพบเห็นดวงไฟขนาดใหญ่ส่องแสงสว่างลอยอยู่เหนือปากถ้ำ ชาวบ้านต่างเชื่อว่าเป็นอาถรรพ์จากสิ่งศักดิ์ที่ปกปักษ์รักษาถ้ำแห่งนี้มาแสดงให้เห็นและได้ยิน ซึ่งก็ทำให้ชาวบ้านต่างก็ไม่กล้าย่างกรายขึ้นไปเพราะกลัวอาถรรพ์ เพราะที่ผ่านมาใครที่เก็บของจากเขาแห่งนี้ลงมาจะพบกับวิญญาณมาทวงคืน จนต้องนำมาคืนที่เดิม และ ยังมีความเชื่อว่า เป็นสถานที่เก็บสมบัติของคนโบราณ ที่อาจจะหนีภัยสงครามหรือภัยพิบัติธรรมชาติ โดยมีวิญญาณมาเฝ้าสมบัติอยู่
จากการสอบถามชาวบ้านต่างก็เชื่อว่าถ้ำแห่งนี้มีอาถรรพ์ และ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์รักษาอยู่ และ ยังเชื่อว่าเป็นเมืองลับแลที่อาจจะเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของคนโบราณ และ มีการนำทรัพย์สินมาเก็บไว้ในถ้ำดังกล่าว และ เชื่อว่ามีอาถรรพ์จากสิ่งลี้ลับจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ สำหรับเขาถ้ำแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในชุมชนกระแสบน มีสวนยางพาราล้อมรอบ แต่กลับพบว่ามีต้นไม้พันธุ์โบราณขึ้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นต้นลูกสะบ้า ที่เป็นเถาขนาดใหญ่อายุร่วมร้อยปี และ ต้นขนาดใหญ่ขึ้นเต็มพื้นที่ จึงดูบรรยากาศรกครึ้มไปทั่วบริเวณ ทำให้ดูน่ากลัวเมื่อได้เข้าไปสัมผัส
***ขอบคุณที่กดโหวดและติดตามครับ
***Thank vote and follow me