steemit เศรษฐกิจนอกตำรา

สวัสดีครับพี่น้อง steemains วันนี้ผมได้รับเกียรติอย่างมากจาก @Thaiteam ที่ให้โอกาสเข้าร่วมทีม เพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เข้ามาแล้ว และกำลังจะเข้ามา ในครอบครัว steemit.com ต้องขอบคุณทีมงาน คุณ@ricko66 คุณ@tookta พี่กุ้ง@julee และก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดนะครับ

ผมมีความเชื่อบางอย่างว่า steemit.com จะมาเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของพวกเรา แต่มันก็อาจจะไม่ง่ายนักสำหรับทุกๆคน เพราะทุกงานทุกอาชีพจะมีทั้งคนสำเร็จและไม่สำเร็จ ซึ่งตามหลักสถิติที่มีการกล่าวอ้างกันมาในทุกๆงาน ทุกๆอาชีพ จะมีผู้ประสบความสำเร็จเพียง 3% เท่านั้น

แต่สำหรับ steemit แล้ว ทฤษฏีนี้อาจจะไม่ตรงเสียทีเดียว ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องเศรษฐศาตร์หรือเศรษฐกิจ แต่ผมรู้สึกได้เองจากประสบการณ์ที่ได้รับมา " steemit เป็นเศรษฐกิจนอกตำรา" เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องไม่มีใครเสียประโยชน์ มีแต่ได้ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย จะได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ และการลงมือทำ

การอยู่ร่วมกันเป็นสังคมๆหนึ่ง ใน steemit.com ผมแบ่งคนออกเป็นสามกลุ่มคือ

กลุ่มที่ 1. คือกลุ่มนายทุน

ที่มีเงิน สามารถนำมาลงทุนซื้อ STEEM POWER ซึ่งสิ่งที่จะได้รับคือพลังโหวต และทุกการโหวตก็จะได้ผลตอบแทน และนอกจากนั้นก็ยังได้รับดอกเบี้ยอีกด้วย ใครมีเงินทุนก็ลองดูนะครับ
ลองอ่านโพสต์นี้ดู
https://steemit.com/promo-steem/@laddawan/steemit-4b3506e43d31f
https://steemit.com/thai/@antfield/upvote
ผมเห็นของฝรั่งบาง account แทบไม่ได้โพสต์เลย เพียงแค่การ resteem และได้ผลตอบแทนจากการโหวต

กลุ่มที่ 2 คือผู้ใช้หรือผู้เล่นอย่างเราๆ

ซึ่งในความคิดเห็นของผม steemit หากจะนำไปเทียบกับ Facebook ก็ต้องเทียบกับการสร้างเพจ Facebook หากต้องการให้มีคนมาติดตามเรามากๆ เพื่อให้เหล่าบรรดานักการตลาดหรือแบรนด์ต่างๆ สนใจมาลงโฆษณากับเพจของเรา เราจึงจะมีรายได้จากการทำเพจ ซึ่งรายได้ก็มีตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน ผมเองเคยลงเรียนคอร์สออนไลน์ กับนักสร้างเพจอันดับต้นๆ เสียค่าคร์อสไปครึ่งหมื่น แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เขาสอนไม่ดี แต่เราไม่มีไอเดียหรือคอนเซ็ปที่จะทำเพจให้มีคนสนใจและติดตาม และอีกอย่างมีการแข่งขันสูงมาก การเข้าถึงเพจก็ยากขึ้น ต้องพึ่งการทำโฆษณากับ Facebook ทำให้มีต้นทุน การคิดคอนเทนท์เจ๋งๆ การทำคลิปวิดีโอดีให้น่าสนใจ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย แต่เมื่อเทียบกับ steemit แล้วง่ายกว่าเยอะ

แต่ถ้าเราจะเอาแบบง่ายเกิน คือแค่โพสต์รูปเหมือน Facebook ส่วนตัว แล้วหวังให้คนมากดโหวตอาจจะไม่ง่ายที่จะมีคนมากดโหวตให้บ่อยๆ เพราะวัฒนธรรมที่ถูกสร้างกันมาบน steemit คือการเขียนโพสต์ ผมเองเคยโพสต์รูปภาพอย่างเดียวและเขียนสองสามประโยค มีคนกดโหวตให้น้อยมาก และหากเป็นเราเองจะกดโหวตให้ใคร ถ้ารูสึกว่าเขาคนนั้นไม่ได้มีความพยายามอะไรบางอย่างเลย เราก็อาจจะไม่อยากกดโหวตให้ใช่ไหมครับ

กลุ่มที่ 3 คือนักพัฒนา

หากใครมีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมหรือ App สามารถดึง database SQL หรือเขียน App เป็นตัวช่วยการใช้งานต่างๆ ให้ผู้เล่นได้ใช้งานและเปิด Account ให้ความรู้ก็จะได้รางวัลจากการโหวตหรือรายได้อื่นๆ แล้วแต่ใครจะคิดได้

งานทุกงานบนโลกใบนี้ มีความง่ายและความยากของมัน ขึ้นอยู่กับว่าใครเข้าใจ หรือมองมุมไหนมากกว่า สำหรับผมแล้ว steemit ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะหากคิดว่าง่าย ก็จะทำงานออกมาแบบไม่มีคุณภาพ ที่ผมพูดแบบนี้เพราะแอบเป็นห่วงว่า วันข้างหน้าพอมีคนเข้ามาเยอะๆ แล้วโพสต์แบบง่ายๆ สองสามโพสต์แล้วไม่ได้อะไรจาก steemit ก็รู้สึกผิดหวัง ซึ่งถ้าผิดหวังแล้วเงียบก็อาจจะไม่มีผลกระทบต่อชาว steemit แต่ถ้าผิดหวังแล้วพาล ก็จะส่งผลไม่ดีต่อ steemit ที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจใหม่ของใครหลายคนในนี้รวมทั้งผมด้วย ซึ่งผมหวังว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์นั้น อีกอย่างกฏเกณฑ์และวัฒนธรรมของสังคม steemit ไม่แนะนำให้โพสต์เรื่องการเมือง และเรื่องไม่สร้างสรรค์

หวังว่าเราจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจของ steemit ร่วมกันต่อไปยาวๆ

สำหรับคนใหม่ๆ ลองอ่านบทความเหล่านี้ดูนะครับ
ไม่รู้จะโพสต์อะไร https://steemit.com/thai/@pichat/zfewk
เงินดิจิตอลคือเทรนด์ในปี 2018 https://steemit.com/thai/@pichat/2018
Social Media กำลังปฏิวัติรูปแบบใหม่ในการสร้างงาน สร้างเงิน https://steemit.com/thai/@pichat/social-media

ขอบคุณทุกกำลังใจและการติดตามกันนะครับ