เล่าโดย : คุณปาง
หนึ่งปีให้หลัง ช่วงตะวันเพิ่งจะโผล่พันหลังคาเรือนได้ไม่นานนัก ผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศผ่านโทรโข่งชุมชน เรียกให้ชาวบ้านมาชุมนุมกันที่ว่าการของหมู่บ้าน เนื่องจากมีขโมยปีนเข้าไปในบ้านใหญ่ของคุณปู่เมื่อคืนที่ผ่านมา
ทราบเรื่องเพราะรุ่งเช้าของวันนั้น หลวงพ่อท่านให้เด็กวัดมาแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านว่า หลังจากที่ท่านตื่น ท่านก็ได้เข้าไปทำความสะอาดในโบสถ์เหมือนทุกเช้า แต่เช้านี้ ท่านพบเห็นวัยรุ่นคนหนึ่ง นั่งคุเข่าพนมมืออยู่หน้าพระประธาน ตัวสั่นงั้นงก ดูคล้ายคนเสียสติ ปากพึมพำแต่ว่า "นะโมตัสสะๆ" ซ้ำไปซ้ำมา
ครู่ต่อมาก็มีเด็กวัดวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกกับท่านว่า เจอคนนอนตายอยู่หน้าประตูวัดสองคน ท่านจึงรีบรุดไปดู พบว่าเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันกับไอ้หนุ่มที่นั่งตัวสั่นอยู่ในโบสถ์ ลูกกะตาเบิกโพรง อ้าปากค้างเหมือนตกใจสุดขีด ตามเนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำเหมือนถูกลุมกระทืบ
ท่านจึงได้ให้เด็กวัดไปตามผู้ใหญ่บ้าน เมื่อผู้ใหญ่บ้านมาถึงก็ได้เข้าไปซักถามเจ้าหนุ่มที่นั่งตัวสั่นอยู่ในโบสถ์ทันที ถึงจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ยังพอจับใจความได้ว่า ตนเองกับพวกอีกสองคนนั่งกินเหล้ากันอยู่ที่บ้าน
แต่เหล้าเกิดหมดแล้วยังติดลมอยากต่อ เพราะฤทธิ์ของยาดอง จึงได้ชวนกันเข้าไปในบ้านใหญ่ เพราะเห็นว่าไม่มีคนอยู่นาน โดยงัดเข้าทางประตูหลังบ้าน เมื่อเข้าไปในตัวบ้านได้แล้ว ทั้งสามได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินอยู่ชั้นบน
จึงคิดจะขึ้นไปจับมามัดมือมัดปากไว้เสียก่อน สามสิงห์พากันย่องขึ้นไปบนชั้นสอง ก็เจอเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้อง เธอคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า "พวกมึงจะมาเอาอะไรกัน!!"
ลักษณะผมยาวดัดลอน ใส่เสื้อคอกระเช้า ดวงตากลมโต แต่สิ่งที่ทำให้สามสิงห์หวาดกลัวจนต้องหนีกระเจิงออกจากบ้านก็คือ ลิ้นของเธอโผล่ออกมาจุกปาก คล้ายกับคนที่ขาดอากาศหายใจตาย
ทั้งสามวิ่งหนีตายไปทางวัด แต่ก็พบว่าประตูทางเข้าวัดถูกปิดสนิทไปเสียแล้ว ตนเองจึงกระโดดสุดแรงที่มี เกาะกำแพงวัดแล้วปีนข้ามเข้าไป ตรงดิ่งไปทางโบสถ์ทันที จังหวะนั้น หูก็ได้ยินเสียงเพื่อนทั้งสองร้องด้วยความหวาดกลัวสุดขีดอยู่หน้าประตูวัด แต่ตนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง วิ่งพรวดพราดเข้าไปคุเข่าอยู่ต่อหน้าพระประธานในโบสถ์
เมื่อเหตุการณ์นี้จบลง ทำให้คุณปางกลับมาสงสัยในบ้านหลังนี้อีกครั้ง พยายามซักไซ้ทุกคนแต่ก็ไม่ได้คำตอบอีกเช่นเคย จนเวลาผ่านไปนานพอสมควร คุณปู่ท่านก็ได้เสียชีวิตลงที่บ้านใหญ่ พวกผู้ใหญ่จึงได้ทำการรื้อบ้านใหญ่เสีย ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบได้
และก็ได้สร้างความแปลกใจให้กับคุณปางอีกเช่นเคย เพราะเพิ่งเคยเห็นการรื้อบ้านเป็นครั้งแรก มีการนิมนต์พระมานั่งสวดกลางแจ้งที่หน้าบ้านอยู่เก้ารูป มีสายสิญจน์พันระโยงระยางรอบบ้าน
จนคุณปางได้เห็นสิ่งที่อยู่ในผ้าม้วนเก่าๆม้วนนั้น เมื่อพวกผู้ใหญ่ค่อยๆช่วยกันเปิดออก ปรากฏว่าเป็นโครงกระดูกของคน มีครบตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างไม่ใหญ่เท่าใดนัก สุดท้าย คุณย่าจึงได้ยอมเล่าให้คุณปางฟังว่า ร่างนั้นคือน้องสาวของคุณปู่
เมื่อวัยเยาว์แกเป็นคนชอบหมอลำเป็นชีวิตจิตใจ พอโตขึ้นมาก็อยากเป็นหมอลำเข้าจริงๆ แต่ถูกทางบ้านห้ามปราม จึงเกิดความน้อยอกน้อยใจ ปีนขึ้นไปผูกคอตายบนขื่อใต้ห้องนอนของตนเอง
และในสมัยโบราณ เมื่อมีคนตายโหง มักจะใช้วิธีฝังเอาเสียเป็นส่วนใหญ่ แล้วจึงจะขุดกระดูกขึ้นมาเผา แต่เมื่อครั้งตอนที่ขุดกระดูกขึ้นมาเพื่อจะนำไปฌาปนกิจตามพิธี คุณปู่ท่านได้ลักเปลี่ยนกระดูกของน้องสาวเอาไว้ แล้วเอากระดูกอย่างอื่นไปเผาแทน แล้วนำโครงกระดูกน้องสาวของตนเองไปวางไว้บนเก้าอี้หวายในห้อง
คุณย่าเล่าเสริมขึ้นอีกว่า ในตอนที่นำร่างไร้วิญญาณของน้องสาวคุณปู่ลงไว้ในหลุม คุณปู่ท่านได้นำตะปูห้านิ้วดอกสีดำ ตอกลงไปบนหน้าอกน้องสาวของตนเอง ท่านว่าเพื่อเป็นการสะกดวิญญาณเอาไว้ก่อน
และหลังจากที่รื้อบ้านเสร็จสิ้น ก็ได้ทำพิธีฌาปนกิจศพน้องสาวของคุณปู่ต่อ โดยเผาไปพร้อมกับของทุกอย่างที่อยู่ในห้องนอน และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
เคนดิตภาพ : flickr
Thank you and follow me
@protoomega👈👈👈👈