ช่วงนี้ ข่าวเสือดำ กำลังมาแรง !!!
เราก็เลยอยากจะมาทำความรู้จักมันซักหน่อย ว่าหน้าตา และประวัติมันซักหน่อย
เสือดำ เป็นชื่อสามัญเรียกโดยรวมของสัตว์กินเนื้อประเภทเสือและแมว (Felidae) ที่มีลักษณะลำตัวรวมถึงลวดลายเป็นสีดำตลอดทั้งลำตัว ซึ่งเกิดขึ้นได้ในเสือหลายชนิด
จากการเป็นเสือดำ เกิดจากความผิดปกติในเม็ดสีที่เรียกว่าเมลานิซึม ส่งผลให้เสือที่เกิดมานั้นเป็นสีดำตลอดทั้งลำตัว โดยที่ยังมีลายหรือลายจุดคงอยู่ แต่จะสังเกตเห็นได้ยาก จะเห็นได้ชัดเจนเมื่ออยู่ในแสงแดด
เสือดำในเสือดาว มักพบได้มากในป่าดิบชื้นในทวีปเอเชีย เช่น อินเดีย, เนปาล, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในเบงกอลหรือชวา ใต้ท้องของเสือดำมีสีจางเล็กน้อย ผิวสีดำของเสือดำไม่ได้มีสีดำสนิท และยังคงมีลายแบบเสือดาวอยู่ด้วยซึ่งจะเห็นชัดเวลาต้องแสงแดง ซึ่งในภาษาลาวเรียกว่า "เสือแมลงภู่" หรือ "เสือลายจ้ำหลอด" เสือดำในประเทศไทยพบได้ในป่าภาคใต้ และจากประสบการณ์ของผู้ที่เลี้ยงดูแลเสือในสวนสัตว์มีความเห็นว่า เสือดำนั้นมีความดุร้ายกว่าเสือดาว
เรื่องราวของเสือดำในประเทศไทยเคยเป็นข่าวฮือฮาเมื่อราว พ.ศ. 2521 เมื่อปรากฏข่าวว่า มีเสือดำตัวหนึ่งเพ่นพ่านอยู่แถวมักกะสัน ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร จนเป็นที่หวาดกลัวของผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น จนได้ชื่อว่า "เสือดำมักกะสัน" แต่อีก 2 ปีต่อมาก็ปรากฏว่า เป็นเสือดำที่เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ซื้อมาในราคา 3,000 บาท และนำมาปล่อยไว้เอง เพื่อผลทางจิตวิทยา ก่อนจะจับไปปล่อยไว้ในป่าห้วยขาแข้ง
ในเสือจากัวร์ ที่พบในทวีปอเมริกาใต้ก็มีเสือดำเช่นเดียวกัน โดยมีลักษณะการเกิดเช่นเดียวกับเสือดำ
นอกจากนั้นแล้ว เสือดำยังมีพบในเสือหรือแมวประเภทอื่น ๆ เช่น เสือพูม่า ในทวีปอเมริกาเหนือ, เสือไฟ ซึ่งเป็นเสือขนาดเล็กในทวีปเอเชีย, เซอร์วัล ซึ่งเป็นป่าที่พบในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะที่อาศัยในเทือกเขาอาร์เบอร์แดร์ ของเคนยา เชื่อว่าอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมบนที่สูงมีคู่แข่งในการแย่งชิงอาหารน้อย ทำให้ไม่ต้องมีลายจุดช่วยในการพรางตัวเหมือนที่ราบ และสีดำยังช่วยดูดซับความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย เนื่องจากสภาพอุณหภูมิบนภูเขาสูงหนาวเย็นกว่าที่ราบ รวมถึงเสือโคร่งด้วย ที่มีการบันทึกรวมถึงเสียงเล่าลือจากอินเดีย ที่มีการพบเห็นเป็นระยะ ๆ แต่ทว่าก็ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน
หยุดเถอะครับ กับการฆ่าสัตว์เพียงเพื่อความสนุก หรืออะไรก็ตาม
ชีวิตสัตว์มันก็รักชีวิตมัน โปรดระเว้นชีวิต เพื่อเป็นกุศลทาน ตามคำในพระพุทธศาสนา
“ห้ามฆ่าสัตว์” ศีลข้อแรกที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้งดเว้น ศีลจะขาดก็ต่อเมื่อ?
ศีลข้อที่ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี ( การเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป )ศีลข้อนี้จะขาดก็ต่อเมื่อพร้อมด้วยองค์ 5 ซึ่งประกอบด้วย
สัตว์นั้นมีชีวิต คำว่า “ปาณ” ในภาษาบาลีหมายความว่า อินทรีย์ที่หายใจมีชีวิตอยู่หมายถึง มนุษย์และสัตว์เดรัจฉานทั่วไปทุกชนิด เพราะเมื่อมีชีวิตอยู่สัตว์เหล่านั้นก็ต้องหายใจเหมือนกันทั้งหมด การหายใจอยู่จึงหมายความถึงการมีชีวิตและการมีชีวิตก็หมายถึงการหายใจ ดังนั้น สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ยังหายใจอยู่จึงไม่ควรไปเบียดเบียนกัน
รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต คือมีจิตรู้อยู่แล้วว่า สัตว์นั้นยังมีชีวิตอยู่หากไปทำให้สัตว์ตายทั้งๆที่รู้ว่าเขายังมีชีวิตก็ถือว่า ศีลได้ขาดไปแล้ว
มีจิตคิดจะฆ่า อันนี้เข้าข่ายในเรื่องของ เจตนากรรมคือตั้งใจจะทำให้เขาตายอย่างเต็มที่มากน้อยไปแต่เจตนานั้น
มีความเพียรที่จะฆ่า ซึ่งเข้ากับหลักของ “ประโยคกรรม” ถ้าใช้ความเพียรมากบาปก็มากตามแต่เมื่อใดที่มีความเพียรคิดจะทำมาเกี่ยวข้องก็ถือว่าศีลขาด
สัตว์นั้นตายด้วยความเพียรนั้น คือผลสำเร็จแห่งการฆ่าถ้าสัตว์ตายสิ้นลมหายใจไปโดยสมบูรณ์โดยเจตนาก็ถือว่าศีลขาดไปด้วยเช่นกัน
กรณีอื่นๆ ที่เข้าข่ายกรรม “ปาณาติบาต” ได้แก่
การทำร้ายร้างกายและทรมานสัตว์
เพราะเหตุที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติศีลข้อที่ 1 เพื่อมิให้เบียดเบียนชีวิตซึ่งกันและกันการผิดศีลข้อที่ 1 จึงไม่ใช่ควรแค่เว้นจากการฆ่าสัตว์เพียงอย่างเดียว ควรเว้นจากการทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันและการทรมานสัตว์ให้สัตว์นั้นลำบากไปด้วย แม้จะเป็นเพียงการทำร้ายร่างกายเล็ก ๆน้อย ๆก็ควรงดเว้นการล่าสัตว์
หากได้ชมภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าไทยหรือเทศมาบ้างจะพบเห็นว่า การออกล่าสัตว์ของเหล่ากษัตริย์ ขุนนาง ล้วนเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายและได้รับการยอมรับแม้ในปัจจุบันก็ยังมีการล่าสัตว์เช่นนี้ปรากฏอยู่อีกจำนวนมากในหลายรูปแบบ เช่น การแข่งขันตกปลา อย่างนี้เป็นต้น
การเล่นสนุกของคน คือการล่าสัตว์เหล่านี้บางคนถือว่าเป็นการฝึกผจญภัยทำให้เกิดความใจกล้า แต่ก็เป็นการผจญภัยที่เอาเปรียบมากเพราะใช้อาวุธและตนเองไปหลบอยู่บนหลังม้า หรือที่กำบังหรือบนเรือ และสัตว์ต่างๆ ที่ถูกล่าแทบจะไม่มีโอกาสต่อสู้ด้วยเลย
และสัตว์บางชนิดไม่ได้คุ้นเคยกับความใจดำอำมหิตของมนุษย์ พอสัตว์มองเห็นเข้าก็ไม่รู้ว่ามนุษย์นั้นเป็นเพชฌฆาต กว่าจะรู้สัตว์เหล่านั้นก็ถูกทำให้บาดเจ็บหรือตายไปเสียก่อนแล้ว
การยิงและล่าสัตว์โดยเฉพาะการกระทำเพื่อความสนุกนี้เป็นการแสดงความโหดร้ายยิ่งนัก ถือว่าผิดศีลข้อที่ 1 นี้อย่างรุนแรงว่าด้วย เจตนากรรม
พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เรานึกเปรียบเทียบระหว่างชีวิตเรากับชีวิตสัตว์ผู้อื่นอยู่เสมอว่าต่างก็รักตัวกลัวตายเช่นกัน หากใครที่ชอบล่าสัตว์เพื่อเป็นกีฬา ก็ขอให้งดเว้นการกระทำเหล่านี้เสีย
- การฆ่าตัวตาย
การฆ่าตัวตายหรือการกระทำ “อัตวินิบาตกรรม” นั้นถือเป็นการผิดศีลข้อที่ 1 อย่างยิ่งยวด มิใช่แค่การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผู้อื่น การฆ่าตนเองก็ห้ามกระทำเป็นอันขาด พระพุทธเจ้าท่านห้ามมนุษย์ฆ่าตนเอง อย่างแรกเพราะ
เป็นการแสดงออกถึงความอับจนพ่ายแพ้ หมดทางแก้ไข เมื่อได้ฆ่าตัวเองก็เป็นการทำลายตน เมื่อได้ทำลายตนแล้วก็เป็นการทำลายซึ่งประโยชน์ทุกอย่างที่เราจะพึงได้ในชีวิต
พระพุทธองค์สอนว่าการฆ่าตัวตายนั้นเป็น “โมฆะกรรม” หรือการกระทำที่เปล่าประโยชน์อย่างที่สุด เพราะตายแล้วก็จบไม่เกิดประโยชน์ หมดโอกาสที่จะพัฒนาหรือแก้ไขความผิดและทำประโยชน์ดี ๆใด ๆให้เกิดขึ้นได้ซึ่งการมีชีวิตอยู่เพื่อแก้ปัญหาย่อมเป็นหนทางที่ดีกว่า
ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงสอนให้สงวนรักษาชีวิตตนไว้ให้ดีตลอดเวลา ห้ามมิให้มอบชีวิตตนให้แก่ใครและไม่ให้ฆ่าตัวเองเช่นเดียวกับการที่ไม่ให้ฆ่าสัตว์อื่น ๆ ฉะนั้นเมื่อเรามีสติระวังไม่ให้แพ้ใจตนเองได้ก็จะเป็นการปิดโอกาสในการสร้างกรรมหนักเช่นนี้ให้เกิดขึ้นกับตนเอง
ขอบคุณนะคะที่แวะเข้ามาอ่านโพสต์หวังว่าจะมีประโยชน์ ต่อเพื่อนๆชาว steemit
ขอบคุณเพื่อนๆชาว steem ทุกท่าน ที่ติดตาม ขอบคุณสำหรับอัพโหวต ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์กำลังใจที่มีให้
Thank you for follow, Thank you so mush for voting and comments. Thank so mush kub.
ขอบคุณจากใจนะครับ
@maianuwat
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ
Downvoting a post can decrease pending rewards and make it less visible. Common reasons:
Submit
เช่นกันนะครับ ^^
Downvoting a post can decrease pending rewards and make it less visible. Common reasons:
Submit
ขอบคุณค่ะสำหรับข้อคิดดีๆ
Downvoting a post can decrease pending rewards and make it less visible. Common reasons:
Submit