Marisa Diary #3: สะใภ้ไก่งวง ตอน งานแต่งงานแบบมีสามีเป็นตัวเป็นตน (My wedding Trip in Istanbul)

Dear Steemians,

Hooray! The wedding day has come on Sunday 11 February.
Our wedding was happened in Sayanora Salon in Istanbul near Odabaşı area. Actually before the wedding day, I imagined to have a white wedding and full of snow in February and the other reason is that day was a good day through the luna calendar. But the forecast said it would rain 90% in the evening and what we found was the heavily raining and was extremely cold. Forgot it, I had a husband...

เย่ในที่สุดงานแต่งงานก็มาถึงในวันที่ 11 ก.พ. 2561
งานถูกจัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยง ซายาโนร่า แหม่ คล้ายๆ ซาโยนาระเลยเนอะ สถานที่จัดงานอยู่ในเขตโอดาบาชึ อันที่จริงก่อนจะถึงวันงาน ฉันก็จินตนาการว่างานแต่งของเราจะเป็นงานแต่งสีขาวเต็มไปด้วยหิมะกลางเดือนกุมภาฯ อีกอย่างนึงคือฤกษ์ดี แต่พอถึงวันจริงพยากรณ์ทำลายฝันมันบอกว่าฝนจะตกร้อยละ 90 ในตอนเย็น 🙄 และสิ่งที่เจอก็คือมันตกหนักมากกกกก แล้วก็หนาวมากด้วย แต่ช่างมันค่ะเพราะ เรามีสามีแล้ว ฮิ้ววว😂

In the afternoon, we went out to flower shop to take my bouquet and flower for car decoration. Unfortunately, that I have no outdoor photos as of rain :(

Before we left house my dad must tied my waist with a red ribbon for three times then tied a knot and cousins cover me with white veil and top up with Burgundy veil from henna night. Bride and groom sat in the car and also my parents. When everything was ready, the chauffeur pressed car horn to let people know that we are heading to the wedding. If this happened in Thailand, I'm pretty sure that we would be given a lot abuse.

ในตอนบ่ายเราไปร้านดอกไม้เพื่อไปรับช่อดอกไม้เจ้าสาวกับดอกไม้ที่เค้าจะเอามาแต่งรถ แต่โชคไม่ดีฉันไม่มีรูปอะไรที่ถ่ายข้างนอกเลยเพราะฝนมันตกหนักมาก

พอได้เวลาก่อนออกจากบ้านเค้าให้พ่อผูกโบว์ยาวสีแดงรอบเอว (อันที่จริงก็ไม่ค่อยจะมี ฮ่าๆๆ) สามรอบก่อนจะผูกปม ญาติๆ เอาผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทั้งสีขาวและเอาสีแดงเลือดหมูที่ได้จากงานเฮนน่าคลุมทับอีกทีหนึ่ง เจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าไปนั่งในรถพร้อมกับพ่อและเมื่อ พอทุกอย่างพร้อมคนขับก็ประโคมบีบแตรกันอย่างเมามันประหนึ่งว่าถนนนี้เป็นของกู คืออยากจะบอกว่าถ้าเป็นที่เมืองไทย คงจะมีคนชมแกมด่ากันอย่างเมามันหรืออาจจะมีการถือปืนออกมายิงกันก็เป็นได้

In my opinion, the wedding for Turkish is the festive happiness so everyone was happy to dance and almost all event was dancing. They served only cake and sweet, no main courses.

ในความคิดของฉันการแต่งงานของคนตุรกีคือเทศกาลแห่งความสุขที่ทุกคนพร้อมจะออกมาเต้นกัน (บ้าคลั่งน้อยกว่างานแต่งอินเดียที่เคยเห็นมา) จะว่าไปงานแต่งงานก็เหมือนงานเต้นรำ ในงานจะมีเลี้ยงแค่ขนมเค้กกับของหวาน ไม่มีอาหารหนักๆ เหมือนงานแต่งคนไทย

The truth is, wedding is just a small part of people life and the new adventure has just began. After wedding finish we headed to Ankara (the capital city of turkey) many people misunderstand that Istanbul is the capital city but it is not. Istanbul is a port city. We were going to The Royal Thai Embassy to register our marriage under Thai Law which the papers are very complicated !😏 I will not gossip my embassy here because at least we got that papers and it means we were officially married.

I will share my honey trip to you in the next chapter which we went to Kappadokya (Cappaokia for English spelling) or some of you might know as a angel chimney city.

ความจริงงานแต่งงานมันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ การผจญภัยพึ่งจะเริ่มต้น หลังงานแต่งพวกเรามุ่งหน้าเดินทางไปยังกรุงอังการ่า (เมืองหลวงของตุรกี) หลายคนมักเข้าใจผิดว่าอิสตันบูลเป็นเมืองหลวงแต่ที่จริงแล้วอิสตันบูลเป็นเมืองท่า เป็นเมืองท่องเที่ยว พวกเรากำลังจะไปสถานทูตไทยเพื่อไปจดทะเบียนกัน เรื่องเอกสารไม่ต้องพูดถึงยากโคตร แต่เอาเป็นว่าฉันจะไม่นินทาสถานทูตของประเทศตัวเอง😏 ไว้คราวหน้า ฮ่าๆๆ

ครั้งหน้าฉันจะมาเล่าเรื่องการเดินทางไปยังคัปปาโดเกีย หรือบางคนอาจจะรู้จักในนามเมืองปล่องนางฟ้า ก็คือไอ้เมืองที่มันมีบอลลูนขึ้นเยอะๆ ไง