สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน
ต้องออกตัวก่อนว่าเป็นคนเขียนไม่เก่ง ไม่รู้จะเขียนอะไรดี วันๆ ก็อยู่กับท้องไร่ท้องนา ใช้ชีวิตประจำวันแบบเดิมๆ แบบนี้มาหลายปีแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนตอนเป็นเด็กพ่อแม่ก็เป็นเกษตรกรทำไร่ไถนา เกษตรกรเป็นอาชีพที่หนัก แต่ค่าตอบแทนน้อย ก็คิดว่าโตขึ้นจะทำงานบริษัท จะไม่เดินตามรอยพ่อแม่ หลังจากที่เรียนจบ ก็ไปค้าแรงงานในบางกอกอยู่หลายปี แต่แล้วก็จับผลัดจับผลูได้กลับมาใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด ทำให้เริ่มเป็นเกษตรกรแบบเต็มตัว ซึ่งทำไปทำมาเราก็รักในอาชีพนี้ ถึงจะเหนื่อยและเงินน้อย เราก็พออยู่ได้ตามอัตภาพ การได้อยู่กับธรรมชาติ ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เราก็มีความสุข เราถึงเข้าใจว่าความสุขนั้นอยู่ที่ใจเรานั่นเอง
เมื่อมีกิจกรรมการประกวด ก็เลยนำภาพเก่าปีแล้วมาเล่าใหม่ เพราะปีนี้ยังไม่ได้ลงมือเพาะปลูกอะไรเลย เนื่องจากฝนแล้ง ก็เป็นภาพที่ทุ่งนาของเราเองยามเช้าๆ ประมาณ 6 โมงเช้า ตอนนั้นเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ตอนเช้าๆ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ก็จะมีหมอกบางๆ ลอยอยู่เหนือปลายยอดใบข้าว
เห็นภาพแบบนี้ก็ทำให้นึกย้อนไปในวัยเด็ก ตอนนั้นเป็นเด็กไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็วิ่งเล่นไล่จับพี่สาวและน้องสาวอย่างสนุกสนาน แต่พอโตขึ้น ถึงแม้ว่าภาพเบื้องหน้าจะคล้ายๆ กัน แต่ความรู้สึกนั้นกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเราไม่ใช่เด็ก ต้องคิดต่อไปว่าผลผลิตข้าวจะดีไหม ข้าวจะราคาเป็นยังไง นี่คือความแตกต่างระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่
แต่ถ้าเรานึกถึงตอนเป็นเด็ก ก็ทำให้มีความสุขใจทุกครั้ง เพราะอดีตที่ผ่านมา พวกเราอยู่พร้อมหน้าครอบครัวพ่อแม่ลูกที่อบอุ่น มีพ่อที่เป็นผู้นำที่ดี มีแม่ พี่สาว และน้องสาวที่รักใคร่กลมเกลียวกัน ถึงแม้ตอนนี้ทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่พอมีเวลาว่างพวกเราก็โทรคุยกัน และพูดคุยถึงเรื่องสมัยในวัยเด็ก ทำให้พวกเราย้อนกลับไปในอดีตที่ไม่เคยลืมเลือน ชีวิตคนเราก็คงแค่นี้มั้งคะ จะเขียนเกี่ยวกับธรรมชาติ แต่กลับมาเล่าเรื่องความหลังซะงั้น 555 สำหรับวันนี้ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาให้กำลังใจกันนะคะ ขอบคุณค่ะ @puza