ชีวิตเริ่มต้นที่เกาะพะงัน

in thai •  7 years ago 

สวัสดีค่ะ ชาว steemit,

หลังจากเมื่อวานได้ลงเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ของดิฉัน ก็ได้รับเสียงต้อนรับที่ดี ทำให้มีกำลังใจจะโม้ต่อ 5555 เพื่อนๆ ก็ได้รู้แล้วว่าทำไมดิฉันมาลงเอยอยู่ที่เกาะนี้ได้ยังไง หลังจากทำความฝันที่ตั้งใจว่าจะอยู่เกาะได้สำเร็จ คราวนี้ก็ต้องเริ่มต้นชีวิตจริงๆ จังๆ สักที เพราะดิฉันก็คงไม่สามารถปีนต้นมะพร้าวดื่มน้ำมะพร้าวฟรี หรือลงจับปลาในทะเลเพื่อประทังชีวิต เหมือนคนติดเกาะจริงๆ ดังนั้นเมื่อท้องมันหิวเราก็ต้องหางานทำกันซิค่ะ

จากที่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นย้ายมาอยู่กับแฟนเก่า ก็มีความตั้งใจว่าคงจะต้องทำธุรกิจส่วนตัวกันแทน เพราะแฟนเป็นฝรั่งคงหางานทำบนเกาะยาก แต่เค้าอยากเป็นดีเจค่ะ เค้าลงทุนซื้อเครื่องเล่นสำหรับดีเจติดตัวมาที่เกาะด้วย แต่เค้าเป็นคนไม่ค่อยจะเข้าสังคมเท่าไหร่ ไม่ดื่ม ไม่ปาร์ตี้ มันก็เลยยากที่จะหางานดีเจบนเกาะได้ เพราะทุกๆ ที่ เค้าก็มีดีเจที่อยู่ประจำอยู่แล้ว และคุณก็ต้องมีเส้นสายคนรู้จักประมาณหนึ่ง และเราทั้งคู่ก็ยังใหม่กับที่เกาะพะงัน เราเลยยังไม่กล้าที่จะลงทุนทำอะไรมากนัก ตัวดิฉันเองก็อยากจะแสดงให้แฟนเก่าเห็นว่า ดิฉันเป็นคนที่พึ่งพาได้ ดิฉันให้เค้าข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ด้วยในสถานที่ใหม่ๆ วัฒนธรรมที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ดิฉันก็อยากจะให้เค้าค่อยๆ ปรับตัวให้ได้ก่อน ส่วนดิฉันจะหางานทำเองค่ะ คนไทยเนอะหางานไม่อยากหรอกบนเกาะ (ตอนนั้นคิดแบบนั้นจริงๆ) และก็จริงอย่างที่คิดหางานไม่ยากค่ะ แต่เงินเดือนนี้ซิอยากที่จะรับได้ในตอนนั้น 555

จากคนเงินเดือนประมาณ 35,000 -40,000 บาท ตอนทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ถ้าจะทำงานที่เกาะพะงัน เค้าให้เงินเดือนที่ 15,000 บาท อกอีแป้นแถบจะตกถึงตาตุ่ม ทำไมมันห่างกันราวฟ้ากับเหว 5555 ตอนนั้นก็กลัวนะ ว่าจะรอดไหม ไอ้เราก็คนต่างถิ่น มีญาติผู้ใหญ่ที่นับถือแค่คนเดียว และดิฉันก็ไม่อยากจะไปรบกวนเค้ามาก ก็เลยคิดว่าเอาวะ จะทำไงได้ ดิฉันเดินมาถึงขนาดนี้แล้วจะให้มาเก็บเสื้อผ้ากลับกรุงเทพฯ ก็ดูน่าสังเวช จะกลายเป็นว่าคนอื่นๆ จะพูดว่าจะไปทำไม สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง ไม่ได้ๆ เลือดนักสู้จากแม่ และจิตวิญญาณแห่งความมุ่งมั่นจากพ่อ มันสั่งให้ดิฉันสู้ดู ไม่มีอะไรจะเสียแล้วงานนี้

นี้ๆ ดูภาพสาวออฟฟิศทำงานกรุงเทพฯ หน้าใสๆ คิ้วโก่งๆ ปากแดงๆ น่ารักๆ

263812_215418601829586_3676461_n.jpg

390601_304428546261924_1273491272_n.jpg

ตอนนั้นมีความเป็นสาวเมืองจ๋า เพราะไม่เคยต้องไปใช้ชีวิตตามต่างจังหวัด ทำงาน เที่ยว ปาร์ตี้ สังสรรค์ รื่นเริงไปเรื่อยเปื่อยตามประสา

ก็อย่างที่บอกว่าตั้งใจแล้ว ทุบหม้อข้าวตัวเองแล้ว 555 เอาวะไปรบสู้ที่เกาะพะงัน พอเค้าเสนอเงินเดือนมา 15,000 บาท ไอ้เราก็บอกเค้าไปว่าขอเพิ่มอีกนิดเถอะนะ เพราะภาระเยอะ อิๆ บอกเค้าไปว่าดิฉันสู้งานนะ ไม่กลัวแดดไม่กลัวฝน ทำได้ทุกอย่าง เพราะหวังให้เค้ารับเรา เพราะงานที่ไปสมัครก็คือ ฝ่ายต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่งที่เกาะพะงัน แต่ด้วยว่าดิฉันไม่เคยมีประสบการณ์งานโรงแรมใดๆ เลยทั้งสิ้น แต่โชคดีที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ ทั้งพูด อ่าน เขียน ก็เลย ทำให้เค้าปรับเงินเดือนให้ 18,000 บาท พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ถึงจะยังน้อยแต่ก็ยังดี ตอนนั้นคิดว่าถ้าเราพิสูจน์ให้เค้าเห็นว่าเราทำได้เค้าก็คงปรับเงินเดือนให้เพิ่มขึ้นแน่ๆ

และการที่ดิฉันได้ไปสัมผัสงานโรงแรมในครั้งนั้น มันทำให้ชีวิตดิฉันเปลี่ยนไปเลยค่ะ ดิฉันกลายเป็น เดอะ สตาร์ (โฮ๊ะๆๆๆ) เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าที่มาพัก เพื่อนร่วมงานและที่สำคัญกับเจ้าของโรงแรม อาจจะด้วยข้อดีของการเป็นคนเมืองและชอบทำงานของดิฉัน ทำให้เรามีความเป็นมืออาชีพมากกว่าการทำงานแบบลูกทุ่ง ๆ และดิฉันเป็นคนชอบพูดชอบคุย มีลูกล่อลูกชนกับลูกค้าต่างชาติ ลูกค้าเลยเกิดความประทับใจในตัวดิฉันมาก เพราะเราคุยไปเรื่อยเจื้อย เล่าถึงเมืองไทย คนไทย ความคิด ทัศนคติของคนไทย คือคนต่างชาตินะค่ะ ถ้าเค้ามาเที่ยวเค้าก็หวังว่าจะได้มีโอกาสได้คุยกับคนไทยท้องถิ่น เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งตรงนี้เป็นจุดดีที่ดิฉันสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับที่เข้าใจได้ แต่ไม่ถึงกับล้ำเลิศอะไรมาก เพราะไม่เคยไปเรียนต่างประเทศ อาศัยชอบภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก และมาเรียนเอกภาษาอังกฤษธุรกิจในระดับมหาวิทยาลัย และทำงานที่เกี่ยวกับการค้าขายต่างประเทศ จึงมีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอด เลยนำจุดนี้มาใช้หากิน เห็นไหมค่ะ คนเราถ้ามีความพยายามรู้จักดัดแปลง เราก็มีโอกาสรอดตายแล้ว ถึงฉันไม่เคยทำงานโรงแรม แต่ฉันก็เรียนรู้เร็ว ทำให้งานโรงแรมของฉันไปได้ดี และผลของการทำงานให้ดี ให้ต่างชาติเห็นว่าคนไทยถ้าตั้งใจทำงาน ก็ไม่แพ้คนชาติอื่นๆ เจ้านายที่เป็นต่างชาติก็เลยขึ้นเงินเดือนให้ทีเดียว 25,000 บาท หลังจากทำงานไม่เกินครึ่งปี บุญหล่นทับแท้ๆ 5555

ดิฉันเป็นขวัญใจหนูๆ นะค่ะ โดยเฉพาะเด็กน้อย รัสเซีย จะมีเคมีตรงกับดิฉันมาก ๆ คือทุกคนที่มาพักถ้าเป็นเด็กน้อยรัสเซียจะชอบดิฉันมากๆ จนคุณแม่ๆ บ่นว่า ลูกเค้าชอบดิฉันมากกว่าแม่ตัวเองซะอีก นี้ถ้าได้ไปอยู่รัสเซีย เด็กน้อยคงตามเป็นขบวน 555

1510563_637394172965358_981462736_n.jpg

ตอนนี้สาวเมืองกลายร่างเป็นสาวชาวเกาะเต็มที่ มีความแทนของผิว สภาพแตกต่างโดยสิ้นเชิง อิๆ

1384197_614347151936727_308794075_n.jpg

1472768_637394142965361_651653647_n.jpg

แต่ที่ทางเจ้านายขึ้นเงินเดือนให้ไม่ใช่เฉพาะดิฉันทำงานดีเป็นที่ถูกอกถูกใจเจ้านายและลูกค้าอย่างเดียวหรอกค่ะ เนื่องจากตอนที่ดิฉันไปทำงานได้ 1 เดือน เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เนื่องจากพนักงานที่ทำงานกับฉันตอนนั้น ลาออกจากงานแบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ย ดิฉันเลยต้องควบซิค่ะ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม เพราะเกาะพะงัน จะหาคนทำงานที่ได้ทั้งภาษา ได้คอมพิวเตอร์ หายากมากๆ ดิฉันก็เลยต้องลุยเดี่ยว ถึงได้เป็นดาวเด่น เพราะมีแค่คนเดียว 5555 ที่ทำฝ่ายต้อนรับ แต่ดิฉันก็ไม่เหนื่อยนะค่ะ เพราะปกติเป็นคนชอบทำงานอยู่แล้ว แถมได้โอทีด้วย ตอนนั้นแฟนเก่าไม่มีรายได้ ดิฉันก็ไม่อยากให้เค้าต้องมาจ่ายค่าใช้จ่่ายใดๆ เหมือนเราเป็นเจ้าบ้าน ดิฉันอยากดูแลเค้าให้ดีๆ เพราะเค้าเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว แค่ให้เค้าปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ มันก็ยากแล้วสำหรับเค้า อีกอย่างเราเริ่มทะเลาะกันทุกวัน อาจจะเพราะเค้าไม่ได้ทำอะไร แล้วฉันก็กลับบ้านดึกขึ้น เพราะไม่มีคนทำงาน แต่จริงๆ ดิฉันก็นิสัยไม่ดีอีก เอาการทำงานมาอ้างให้ฉันเจอเค้าดึกขึ้นจะได้ไม่ทะเลาะกัน นี้อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เราทั้งคู่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่จริงๆ ดิฉันว่าเรามีฝันคนละอย่าง เค้าอยากจะออกไปดูโลกกว้างรักการเดินทาง แต่ดิฉันชอบที่จะอยู่ในที่ๆ ฉันรัก มันเป็นความฝันที่ไม่ตรงกัน เราเลยต้องจบความสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด เพราะดิฉันรู้ค่ะว่าสุดท้ายเราก็ต้องอำลากันอยู่ดี

นี้บรรยากาศและวิวของสถานที่ทำงานของดิฉัน ดูไม่เหมือนที่ทำงานเลยใช่ไหมค่ะ เปิดโล่ง เห็นวิวทะเลทั้งวันทั้งคืน แถมตอนเย็นได้เห็นพระอาทิตย์ตกด้วย

1459230_616849505019825_439111549_n.jpg

1005738_566126926758750_1761829174_n.jpg

541432_616849465019829_2010261430_n.jpg

601773_616858668352242_1074478527_n.jpg

1014148_570581109646665_1078836210_n.jpg

บรรยากาศสถานที่ทำงานแบบนี้ มันทำให้ฉันมีพลังทำงานค่ะ เพราะเหมือนเราไม่ได้ไปทำงาน เหมือนไปพักร้อนมากกว่า ไม่ต้องไปเจอรถติด แย่งกันขึ้นรถ ต้องเจอมลพิษทั้งทางอากาศและเสียง เต็มที่ก็แค่เสียงฝนตก ฟ้าร้อง หรือควันจากการเผาใบไม้ สิ่งจริงๆ ก็ไม่อยากให้เค้าเผากันนะ มันไม่ดีกับสิ่งแวดล้อม

แล้วฉันมาเจอผู้ชายในฝัน (มั้ง) ของฉันได้อย่างไร ทุกคนเริ่มอยากรู้ (หรือเปล่า) ฉันเริ่มทำงานที่โรงแรมที่เกาะพะงัน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2013 ส่วนสามีของดิฉัน เริ่มทำงานที่โรงแรมเดียวกับฉัน เมื่อเดือน มิถุนายน 2013 ก่อนหน้าฉันแค่ 1 เดือน พอทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้คงตบมือดังเปรี๊ยะ ว่าดิฉันเลิกกับแฟนเก่าเพราะมือที่สามแน่ๆ ไม่จริ๊ง ไม่จริงนะค่ะ (เสียงสูง) ตอนนั้นเราทั้งคู่ไม่ได้รู้สึกสปาร์ค ไฟช็อต หรืออะไรดลใจให้เราชอบกันเลย ความรู้สึกที่ฉันมีให้สามีในตอนนั้น คือเพื่อนร่วมงาน เพราะเค้าเป็นฝรั่งตัวเล็กๆ น่ารักๆ เหมือนเด็ก ตอนนั้นฉันคิดว่าเค้าอายุประมาณ 25 แต่จริงๆ เค้าอายุ 30 ปีแล้ว และฉันกลัวผู้ชายอายุอ่อนกว่าค่ะ เพราะเข็ดจากแฟนเก่าที่ดิฉันต้องคอยเอาใจ แล้วดิฉันก็มีความมุ่งมั่นในอาชีพการงานมากกว่ามาคิดเรื่องความรัก อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้แฟนเก่าคิดว่าดิฉันอยากเลิกกับเค้าเพราะดิฉันมีคนอื่น แต่จริงๆสาเหตุคือความคิด การใช้ชีวิต และความฝันของเรามันคนละทางเลยค่ะ และฉันสงสารแฟนเก่าค่ะ อยากให้เค้าทำตามความฝันของเค้า ไม่อยากให้เสียเวลาชีวิต เพราะฉันรู้ว่าจิตใจเค้ายังคิดถึงเรื่องการได้เดินทางไปทุกที่ทั่วโลกใบนี้ และฉันก็คิดถูก เพราะปัจจุบันนี้ถึงฉันไม่ได้ติดต่อกับเค้าแล้ว แต่ฉันก็พอได้ข่าวมาว่าเค้าก็เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ฉันถึงไม่เคยเสียใจที่เราเลิกรากัน เพราะเค้าเป็นคนทำให้ฉันมายืนจุดนี้ บนเกาะพะงันแห่งนี้ และมาพบสามีของดิฉัน ผู้ชายที่บินข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อมาทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ตัวเองไม่คิดไม่ฝันจะมามีความรักกับสาวชาวไทย แต่ฟ้าก็ดลบันดาลให้เราเจอกัน ทำงานด้วยกัน สร้างฝันด้วยกัน ทำธุรกิจด้วยกัน เคียงบ่าเคียงไหล่ ผ่านทุกข์และสุขด้วยกัน ไว้ครั้งหน้าดิฉันจะมาเล่าเรื่องราวตำนานรักดอกเหมย ระหว่างสามีกับดิฉันให้ฟังนะค่ะ ว่าจะตลก ซึ้งปนฮาแค่ไหน เพราะคุณๆ ขา คนสวิสกับคนไทย มันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว คนไทยสบายๆ แต่สวิสทุกอย่างคือต้องเพอร์เฟค และไหนจะต้องมาทำงานกับหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะ พม่า ไทย เขมร ฝรั่ง และจะลูกค้าที่มาจากทุกมุมโลกอีก ยังมีเรื่องราวสนุกๆ มากมายที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง

ดูซิค่ะ ผู้หญิงที่มีความสุขได้มายืนในที่ๆ ตัวเองควรจะอยู่ เราสามารถเห็นได้จากรอยยิ้มเลย :)

10423758_861717483866358_5214507323398557477_n.jpg

ดิฉันขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านเรื่องราวของดิฉัน ที่ตอนนี้ยังเป็นน้องใหม่ ยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง steemit เท่าไหร่นัก จะพยายามศึกษาข้อมูลนะค่ะ ตอนนี้ขอเขียนเล่าเรื่องราวที่อยากจะแชร์ให้ทุกคนๆ ได้อ่านไปเรื่อยๆ ค่ะ

ใครมีสิ่งใดจะแนะนำ สามารถแนะนำได้เลยเต็มที่นะค่ะ เรื่องที่จะเล่าเกี่ยวกับเทพเจ้าแห่งโอกาสยังไม่ลืมนะค่ะ ขอเก็บไว้ใส่ในบทความที่เหมาะสมในครั้งต่อไป

ขอบคุณค่ะ

วิ

Authors get paid when people like you upvote their post.
If you enjoyed what you read here, create your account today and start earning FREE STEEM!
Sort Order:  

ยิ้นดีที่ได้รู้จักคะพี่วิ @winutcha เมย์อยู่ที่เกาะพงันเหมือนกันคะหวังว่าจะได้เจอกันบ้างนะคะ😍😍

ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ มีคนเกาะพะงันเล่นเยอะเลย สงสัยต้องนัดเจอกันบ้างนะ จะได้รู้จักกันไว้ :)

ยินดีคะอยากพบพี่ๆทุกคนเลยคะ @winutcha

พี่วิเขียนได้ดีมากเลยค่ะ เรื่องอ่านแล้วน่าติดตาม จะตามอ่านเรื่อยๆนะคะดูชิชิตพี่ผ่านอะไรมาเยอะดี คงได้เรียนรู้อะไรมากมายจากบล้อกของพี่ ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ <3

ขอบคุณนะค่ะ ที่น้องนาเดียชอบ พี่จะ 40 ปีแล้วก็ต้องมีอะไร ๆมาเล่าให้น้องๆ หนูฟัง นิดนึง 555 ใจจริงก็อยากเขียนแบบนี้มานานแล้ว แต่แค่แรงจูงใจยังไม่มากพอ มาเจอ steemit เข้าไปพี่จะขยันเขียนให้น้องๆ ได้ตามอ่านกันนะค่ะ 555

ขอบคุณมากค่า จะติดตามอ่านเรื่อยๆนะคะ ^^

  ·  7 years ago (edited)

เยี่ยมมากเลยค่ะ อ่านโพสต์ของคุณแล้วทำให้นึกถึงเจ้านายเก่าเรา เรานั่งจับกลุ่มกับลูกน้องนินทาเจ้านาย " แ...่มทำงานทั้งวันทั้งคืนได้พันห้า พอเมียน้อยแค่เดินผ่านมารับห้าพัน" "ไอ้เฮียแ..่มหน้าหม้อ" ออกมาเป็นชุดเลยค่ะ 555 เจ้านายยืนอยู่ข้างหลังฟังตั้งแต่ต้นจนจบ คิดในใจโดนไล่ออกแน่ๆตรู งานนี้ เตรียมตัวหางานใหม่ได้เลย ....แต่พอเงินเดือนออกรับเพิ่มอีกหนึ่งเท่า งง นั่งด่าแกตั้งเยอะ

งั้นคราวหน้าต้องด่าทั้งวันเลยไหม อาจจะได้โบนัส 1 ปี อิๆ บางทีคนเราเค้าจะไม่รู้ตัวจนกว่ามีใครพูดความจริงออกมา คุณตุ๊กตาอาจจะพูดถูกใจเจ้านายก็ได้นะค่ะ 5555 แกเลยทิปให้พิเศษ

  ·  7 years ago (edited)

555...ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะตั้งแต่นั้นมาเรากลายเป็นลูกน้องคนโปรด(สมุนมือขวาคอยให้คำปรึกษา) แต่แกก็รู้ดีว่าเราเป็นที่พูดตรงมาก วันนั้นก่อนแกจะเดินจากไป แกพูดส่งท้ายว่า "ทีหลังมาด่ากันซึ่งๆหน้าเลยดีกว่า อย่ามาด่าลับหลังแแบนี้" "ไม่บังอาจหรอกค่ะ" กระซิบกับลูกน้อง และด่าลูกน้องกระทบเจ้านายต่อ 555.....ทำงานกับผู้ชายมันสนุกมากๆ

แสดงว่าตอนทำงานกับเจ้านายเก่านี้คงมีวีรกรรมเยอะและสนุกแน่ๆ อย่างนี้ต้องเขียนมาให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านกันนะค่ะ :)

ใช่แล้วค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เปาะบางมาก เรายังเด็ก อายุแค่ 16 ปีและเกเรมากๆ เจ้านายต้องใช้สมุนมือซ้ายมาตามไปทำงาน และถ้าวันไหนเราไปตามคำสั่งล่ะก็ โดนสวดเป็นช้่วโมงเลย 555
เพราะฉะนั้น ถ้ามาตามไม่ไป....คือเล่นตัวได้ เพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำได้ทุกอย่าง เกี่ยวกับตกแต่งภายในรถตู้

อายุ 16 ปีก็ทำงานด้วยเก่งมากเลยนะ แถมเป็นผู้หญิงคนเดียวอีก นี้ชอบผู้หญิงเก่งนะ คือ รู้สึกภูมิใจในเพศหญิง ว่าเราสามารถทำอะไรเองก็ได้ แถมผู้ชายยังยอมรับเราด้วย แต่ก็ยังมีมุมแอบอ่อนหวาน น่ารักๆ 555

ต้องเลี้ยงตัวเองเพราะไม่ได้อยู่กับครอบครัวค่ะ...ใช่แล้วต่อให้แกร่งสักแค่ไหน เราก็ยังเป็นผู้หญิง เราเคยโพสต์เรื่องราวของเราไปบ้างแล้ว หากคุณว่าง ลองดูที่บล็อกเรานะคะ...ชีวิตจริงบางครั้งก็น้ำเน่ายิ่งกว่าละคร

ได้เคยค่ะ เดี๋ยวจะไปติดตามอ่าน บางทีละครก็เอามาจากชีวิตจริงนี้แหละค่ะ ดีใจจังมีเพื่อนคุยกันถูกคอเพิ่มแล้ว อิๆ

Congratulations @winutcha! You have completed some achievement on Steemit and have been rewarded with new badge(s) :

You got your First payout

Click on any badge to view your own Board of Honor on SteemitBoard.
For more information about SteemitBoard, click here

If you no longer want to receive notifications, reply to this comment with the word STOP

By upvoting this notification, you can help all Steemit users. Learn how here!